เป็นกรณีที่น่าสนใจสำหรับ ฟอร์ด ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ออกมาประกาศว่าตนเองนั้นเป็น Tech Company ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีรายงานจากบลูมเบิร์กระบุว่า ฟอร์ดอาจใช้เงินไปกับการทำ Digital Transformation องค์กรมากถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอดช่วง 10 ปีนี้หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาบริการร่วมเดินทาง (Ride-Sharing) รวมถึงแผนในการเปิดตัวยานพาหนะแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของตัวเอง
การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ของฟอร์ดยังรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเปลี่ยนไปสู่รถยนต์อัจฉริยะได้หากเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนอัตโนมัติมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยในงบประมาณก้อนแรก 4 พันล้านดอลลาร์นั้น ฟอร์ดจะลงทุนในธุรกิจรถยนต์ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองหรือก็คือ Ford Autonomous Vehicle LLC บริษัทที่จะดูแลทุกด้านเกี่ยวกับรถยนต์อัตโนมัติ ตั้งแต่งานด้านวิศวกรรม การออกแบบไปจนถึงการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยมีระยะเวลาในการใช้เงินก้อนนี้ 5 ปี
ส่วนที่ตั้งของ Ford Autonomous Vehicle ก็อยู่ในดีทรอยต์ ซึ่งไม่ห่างจากสำนักงานใหญ่ในเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกนเท่าไรนัก
ความพยายามของฟอร์ดครั้งล่าสุดนี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในตำนาน ต่างต้องปรับตัว แทนที่จะพัฒนาโดยยึดโปรดักซ์เป็นศูนย์กลาง มาสู่การพัฒนา “เซอร์วิส” แทน ซึ่งบริษัท AlixPartners คาดการณ์ว่า ภายในปี 2566 ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกจะมีการใช้จ่ายเงินราว 255,000 ล้านดอลลาร์ไปกับการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และอีก 61 พันล้านดอลลาร์ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ
