เนทติเซนท์ ชี้เทรนด์ใหม่ Social ERP เชื่อมการทำงานของระบบซอฟต์แวร์องค์กรเข้ากับโซลูชันอื่นๆ แนะ 5 ปัจจัยเสริมธุรกิจรับมือการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล ประกาศความสำเร็จขึ้นแท่น SAP Platinum Partner ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ของไทย
นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) เปิดเผยว่า ในปี 2563 จะเป็นปีที่เทคโนโลยีเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะวงการ ERP ในมิติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่จะมาถึงในปี 2563 และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มมีการเข้ามาของเทรนด์ในเรื่องของ Social API
สำหรับ Social API จะสามารถทำงานร่วมกันกับระบบ ERP และสามารถนำไปสู่ปรากฎการณ์การเกิดขึ้นของ Social ERP เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับอีกหลายๆ โซลูชั่น ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น โซเชียล แบงก์กิ้ง, โซเชียล เวิร์กโฟลว์, โซเชียล ซีอาร์เอ็ม เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
อย่างไรก็ตามสำหรับภาคธุรกิจนั้นหากไม่มีการตั้งรับที่ดีก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสในการแข่งขัน รวมถึงทำให้ความสามารถในการแข่งขันถดถอยลงได้ ดังนั้น เนทติเซนท์ จึงมีคำแนะนำสำหรับองค์กรเพื่อปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะถึง 5 ข้อดังนี้

- อัพเกรดซอฟต์แวร์บริหารจัดการทั้งระบบหน้าและหลังบ้านให้เป็นระบบที่ทันสมัย มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- อบรมให้ความรู้บุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจเท่าทันเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การปรับใช้และการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- องค์กรต้องมีนโยบายที่เอื้อและสนับสนุนต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ บ่อยครั้งที่พบว่าองค์กรไม่สามารถเดินตามแผนได้เพราะนโยบายหลักไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง เช่นด้านงบประมาณที่จำกัด เป็นต้น
- รู้จักนำเทคโนโลยีไปสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับตลาดและผู้บริโภค เพื่อเป็นการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การนำเสนอรถยนต์ไร้คนขับ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การนำเสนอ Smart Home ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ การนำเสนอภูมิศาสตร์อัจฉริยะ ในอุตสหกรรมโลจิสติกส์
- มีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้องค์กรเดินไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นและตรงเป้าหมายมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าองค์กรขนาดใหญ่หลายองค์กรแม้จะมีนโยบายการเปลี่ยนแปลงที่ดีแต่ไม่สามารถเดินไปถึงเป้าหมายได้เพราะขาดความรู้ความเชี่ยวชาญ ทำให้สูญเสียงบประมาณและเวลาซึ่งเป็นต้นทุนมหาศาลของธุรกิจในการก้าวให้ทันเทคโนโลยี ซึ่งหากมีที่ปรึกษามีอาชีพจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
ล่าสุด เนทติเซนท์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น SAP Platinum Partner พาร์ทเนอร์ระดับสูงสุดของ SAP และยังได้รับการคัดเลือกสู่การเป็นสมาชิก United VARs พันธมิตรของ SAP ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรผู้ให้บริการโซลูชั่นของเอสเอพีจากทั่วโลก โดย Netizen เป็นองค์กรเดียวในประเทศไทยที่เป็นสมาชิกภายใต้เครือข่ายนี้เพียงรายเดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ