วันนี้ (14 พ.ย.) Google ประเทศไทย ได้จัดงาน “Google for Thailand” ขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยธีมหลักของงานยังคงตอกย้ำแนวคิด “Leave No Thai Behind” ที่มีเป้าหมายในการทำให้คนไทยทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกันบนโลกดิจิทัล พร้อมริเริ่มโครงการที่ช่วยให้คนไทย และภาคธุรกิจได้มีส่วนร่วมกับการเติบโต และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับโครงการที่ Google ประเทศไทยริเริ่มในครั้งนี้ จะอยู่บนพื้นฐานของพันธกิจ 4 ด้าน ได้แก่
1. เพิ่มการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ด้วยการขยาย Google Station ซึ่งเป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่ให้บริการฟรี จาก 10 แห่ง เป็น 100 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งตลาด ศูนย์การค้า สนามบิน และสถานีขนส่งมวลชนหลักของประเทศ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Google Station ราว 2 ล้านคน ด้วยระยะเวลาเฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อวัน
“ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้ร่วมมือกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดให้บริการ Google Station ในท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. ซึ่งมีผู้ใช้บริการรวมกันกว่า 140 ล้านคนต่อปี โดยภายหลังได้ให้บริการเพิ่มในท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระนอง-พัทยา) นอกจากนี้ผู้ใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดบริการรถตู้โดยสารประจำทาง ท่าเรือ และสถานีรถไฟ ก็สามารถเชื่อมต่อ WiFi ผ่าน Google Station เช่นกัน” Suryanarayana Kodukulla ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตร โครงการ Next Billion Users ของ Google กล่าว
2. เพิ่มทักษะดิจิทัล การเปิดตัวโครงการ Grow with Google ในประเทศไทย เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงหลักสูตรอบรม เครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการฝึกสอนแบบตัวต่อตัวได้ฟรี เพื่อช่วยให้ผู้คนพัฒนาทักษะที่จำเป็น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ เช่น การหางาน การสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ หรือการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
ไมค์ จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2025 เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยจะมีขนาดใหญ่ถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ แต่ยังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนบุคลกรที่มีศักยภาพด้านดิจิทัล ดังนั้น โครงการ Grow with Google จึงจะสร้างโอกาสผ่านการฝึกอบรมแบบต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ในครั้งนี้ Google ประเทศไทย ก็ได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้โครงการ Grow with Google คือ แอปพลิเคชั่น Primer ซึ่งจะมีบทเรียนสั้นๆ และเข้าใจได้ง่าย สำหรับเจ้าของธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการทำให้ธุรกิจเติบโต หรือเรียนรู้ทักษะด้านการตลาดดิจิทัล และผลิตภัณฑ์ Skillshop ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ครบวงจร สำหรับการฝึกอบรมให้ผู้ที่ใช้เครื่องมือและโซลูชัน Google อย่างเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
3. เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เข้ากับท้องถิ่นและผลิตเนื้อหาท้องถิ่น ในประเด็นนี้ Google ประเทศไทยดำเนินงานวิจัยในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยคัดกรองผู้ที่มีภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา และจะขยายการศึกษาให้เป็นวงกว้างมากขึ้น
โดย Fred Hersch ผู้จัดการโครงการของ Google Health กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานกว่า 4.5 ล้านคน ในขณะที่ทั้งประเทศมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาที่ตรวจโรคนี้ได้เพียง 1,500 คนเท่านั้น
และนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 Google และโรงพยาบาลราชวิถี สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข ได้ขยายงานวิจัยในคลินิกเพิ่มขึ้นจาก 1 แห่ง เป็น 8 แห่งครอบคลุมใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี และเชียงใหม่ ซึ่งต้องมีการทดลองกลุ่มตัวอย่าง 7,600 คน ซึ่งตอนนี้ก็เดินมาเกินครึ่งทางแล้ว
นอกจากนี้ Google ได้เปิดตัวโครงการใหม่บน Google Arts & Culture ที่มีชื่อว่า “Hidden Fruits” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ 5 ของนิทรรศการวังหน้า โดย Google ได้ทำงานกับกรมศิลปากรอย่างใกล้ชิด ภายใต้การสนับสนุนจากท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน และใช้กล้อง Art Camera บันทึกภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ให้เป็นไฟล์ภาพที่มีรายละเอียดสูงระดับกิกะพิกเซล ทำให้คนไทยสามารถชื่นชมรายละเอียดที่สวยงามและความซับซ้อนได้ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์
4. ส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้วยการตั้งเป้าหมายจะเพิ่ม SME ที่มีตัวตนบนโลกดิจิทัลเป็น 1 ล้านราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 1.5 แสนราย โดย Google ได้ประกาศความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อช่วยให้ธุรกิจ SME ที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าและเป็นสมาชิกเว็บไซต์ com ลงทะเบียนและยืนยันบัญชี Google My Business ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจปรากฏตัวบน Google Search และ Google Maps โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ในงานนี้ “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ยังได้ร่วมกล่าวปาฐกถามีใจความว่า ที่มาในครั้งนี้ มาเพื่อขอบคุณ Google เพราะ Google ทำตามสัญญาเมื่อ 1 – 2 ปี ก่อนที่จะช่วยให้คนไทยปรับตัวและเข้าถึงอินเตอร์เน็ตอย่างเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม ยังอยากให้ Google พิจารณาอีกเรื่องหนึ่งด้วย ก็คือการลงทุนตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย เพราะไทยเป็นฮับของกลุ่ม CLMV และภูมิภาคอาเซียน
“รัฐบาลจะดูแลเป็นอย่างดี มีอุปสรรคมีอะไรก็ขอให้บอก เรายินดีจะช่วย Support” นายสมคิดกล่าว
อย่างไรก็ตาม Stephanie Davis กรรมการผู้จัดการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า การลงทุนของ Google มีหลายรูปแบบ ไม่ใช่การตั้งสำนักงานใหญ่เพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น การตั้งโครงการพัฒนาทักษะก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
ขณะเดียวกัน มีการประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว จากปัจจุบันที่มีมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ จะเพิ่มเป็น 50,0000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าที่ Google เคยคาดการณ์ไว้ในตอนแรก
