กลุ่มพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาออกโรงกระตุ้นให้เทสล่า (Tesla) แก้ไขช่องโหว่ในระบบที่บริษัทพัฒนาขึ้นสำหรับช่วยเหลือผู้ขับ เนื่องจากมีรายงานว่าในอุบัติเหตุการชนเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา มือของผู้ขับรถไม่ได้แตะอยู่ที่พวงมาลัยนานกว่า 6 วินาที
ผู้ขับรถคันดังกล่าวมีชื่อว่า วอลเตอร์ หวง (Walter Huang) โดยเขาขับรถเทสล่าโมเดลเอ็กซ์ รุ่นปี 2017 แต่สิ่งที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการความปลอดภัยทางการจราจร หรือ the National Transportation Safety Board (NTSB) ของสหรัฐอเมริกากลับพบว่า ตัวรถมีสัญญาณเตือนเกิดขึ้นสองครั้ง และหนึ่งในสองครั้งนั้นเกิดขึ้นที่พวงมาลัยในระหว่างขับด้วย โดยการเตือนทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นนานกว่า 15 นาทีก่อนที่จะเกิดการชนขึ้นในที่สุด และวอลเตอร์ หวงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
กลุ่มพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคมองว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าระบบของเทสล่ามีปัญหา ไม่สามารถนำทางได้ในสภาพถนนปกติ รวมถึงล้มเหลวในการทำให้ผู้ขับจดจ่ออยู่กับถนนการขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น รายงานจาก NTSB ยังพบว่า ตัวรถยนต์มีการเร่งสปีดขึ้นจาก 99 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น 114 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงสามวินาทีสุดท้ายก่อนเกิดอุบัติเหตุด้วย และในนาทีสุดท้ายก่อนการชน มือของหวงนั้น จับอยู่ที่พวงมาลัยเพียง 34 วินาทีเท่านั้น โดยในช่วง 6 วินาทีสุดท้ายนั้นไม่ได้จับที่พวงมาลัยแต่อย่างใด
อุบัติเหตุที่เกิดกับรถยนต์ไฟฟ้าของเทสล่า กำลังทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ นอกเหนือจากปัญหาที่ว่าซีอีโอของบริษัทไม่ได้ใส่ใจในการผลิตรถยนต์มากเท่าที่ควร จนไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามกำหนดเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนทางกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกอีกหลายค่าย เช่น เมอร์เซเดส เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู ที่ตัวเลขล่าสุดชี้ว่า บริษัทเหล่านี้กำลังเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า
