แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชันใหม่ในชื่อ iOS 12 แล้วในงาน WWDC 2018 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย โดยจุดเด่นที่แอปเปิลนำเสนอสำหรับเวอร์ชันนี้ก็คือเรื่องของความเร็วในการทำงานร่วมกับไอโฟนรุ่นก่อน ๆ
โดยก่อนหน้านี้ แอปเปิลมีกรณีดราม่าเนื่องจากถูกตรวจสอบพบว่า ระบบปฏิบัติการ iOS บางเวอร์ชันได้ทำให้โทรศัพท์ไอโฟนรุ่นเก่า ๆ ทำงานช้าลง จนกลายเป็นประเด็นว่า แอปเปิลใช้วิธีดังกล่าวกดดันให้ผู้ซื้อเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่หรือเปล่า มาในเวอร์ชันนี้ แอปเปิลจึงเปิดตัว iOS 12 พร้อมกับบอกว่า ไอโฟนรุ่นเก่า ๆ นั้นจะได้ประโยชน์จากการอัปเดตซอฟต์แวร์มาอยู่ในเวอร์ชันใหม่ด้วย เนื่องจากมันจะทำงานได้รวดเร็วขึ้น
ผู้ที่ออกมาเปิดเผยถึงความสามารถใหม่นี้บนเวทีคือ เครก เฟเดอริจี (Craig Federighi) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ โดยเขาได้นำไอโฟน 6 พลัสขึ้นมาบนเวทีพร้อมกัน และแสดงตัวอย่างให้เห็นว่า iOS 12 นั้นทำให้การเปิดแอพพลิเคชันเร็วขึ้น 40%, โหลดคีย์บอร์ดเร็วขึ้น 50% รวมถึงสามารถเปิดแอพพลิเคชันกล้องเร็วขึ้น 70% ด้วย พร้อมกับระบุว่าเป็นความสามารถของโปรเซนเซอร์ของแอปเปิล และการคาดการณ์ว่าฟังก์ชันงานใดเป็นสิ่งจำเป็น ก็เตรียมทรัพยากรเอาไว้รองรับฟังก์ชันนั้น ๆ ให้มากขึ้น
สำหรับอุปกรณ์ที่จะได้ประโยชน์จากการอัปเดต iOS ดังกล่าวคือ ผู้ใช้โทรศัพท์ไอโฟนตั้งแต่รุ่น 5 เอส (เปิดตัวในปี 2556) ไปจนถึงไอโฟน เท็น (iPhone X) รวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ iOS 11 เช่น ไอแพดด้วย
อีกจุดหนึ่งที่มีการอัปเดตคือเรื่องของ Augmented Reality โดยแอปเปิลมีการอัปเดตชุด ARKit2 ให้สามารถแชร์กับผู้ใช้งานรายอื่น ๆ ได้มากขึ้น
ในแอพพลิเคชัน Photos บน iOS 12 แอปเปิลมีบริการแนะนำให้สำหรับการค้นหาบนตัวแปรต่าง ๆ เช่น ใบหน้า ฯลฯ และแชร์ภาพได้ผ่าน iCloud ด้วย
อีกประเด็นสำคัญที่เคยมีการคาดการณ์ว่าแอปเปิลจะเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในงาน WWDC ก็คือการจำกัดการใช้งานสมาร์ทโฟน ที่ iOS 12 มองว่า การมอนิเตอร์การใช้งานเป็นสิ่งจำเป็น และควรลดการส่งแจ้งเตือนในเวลาพักผ่อน
โดยในส่วนนี้มีชื่อว่า สกรีนไทม์ (Screen Time) ที่แอปเปิลจะสรุปให้ว่าในแต่ละสัปดาห์ ผู้ใช้ใช้ไอโฟนไปมากเท่าไร ใช้งานแอพพลิเคชันใดบ้างในแต่ละวัน และแอพพลิเคชันใดบ้างที่ควรจะถูกจำกัดการใช้งาน
