หลังจากเริ่มบังคับใช้กฎหมาย GDPR ซึ่งเป็นกฎหมายเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับเข้มข้นของสหภาพยุโรป สิ่งที่ต้องมอนิเตอร์ตามมาก็คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจเทคโนโลยี รวมถึงการตลาดดิจิทัล โดยก่อนหน้านี้มีหลายสตาร์ทอัปด้านฟินเทคที่ปิดตัวไป เนื่องจากประเมินตัวเองแล้วว่าไม่สามารถดูแลข้อมูลผู้ใช้งานในระดับดังกล่าวได้
แม้ว่าการปิดตัวของสตาร์ทอัปหลายรายได้นำไปสู่การถกเถียงว่า GDPR จะมาสะกัดกั้นการเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคไปด้วยหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกหลายบริษัทที่แม้จะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดข้อกฎหมายของ GDPR แต่ก็ไม่สามารถปิดตัวได้เช่นกัน ซึ่งรายชื่อของบริษัทเหล่านั้นหนีไม่พ้นยักษ์ใหญ่ในโลกเทคโนโลยีอย่างกูเกิล (Google) เฟซบุ๊ก (Facebook) รวมถึงบริษัทในเครือเช่น อินสตาแกรม (Instagram) วอทส์แอป (WhatsApp) เป็นต้น
สิ่งที่บริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญทันทีที่กฎหมาย GDPR ถูกบังคับใช้ ก็คือ ถูกกลุ่มด้านสิทธิความเป็นส่วนตัวชื่อ Noyb.eu ยื่นฟ้องในข้อหาบังคับให้ผู้ใช้งานยินยอม (หรือการให้ Consent) ให้มีการทำโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงผ่านทางบริการของบริษัท หากคำฟ้องนี้ถูกนำเข้าสู่การพิจารณา ก็อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของเว็บไซต์ และอาจต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายที่มีมูลค่าสูงมาก
สาเหตุที่ทำให้ทางกลุ่ม Noyb.eu ยื่นฟ้องก็คือ บรรดาบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ให้ทางเลือกอื่น ๆ กับผู้ใช้งานของตนเองมากนัก เพราะมีแค่สองทางเลือก นั่นคือ ยอมรับให้มีการใช้งานข้อมูลเสีย หรือไม่ก็ไม่ต้องมาใช้แพลตฟอร์มของพวกเขา
โดยเอกสารชี้แจงของทางกลุ่ม Noyb.eu ระบุว่า กฎหมาย GDPR ยอมให้มีการประมวลผลข้อมูลเพื่อใช้ในการให้บริการ แต่การใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพิ่มเติมเพื่อผลในด้านการโฆษณาอาจไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้ตามกฎหมาย
สำหรับการยื่นฟ้องนั้น มีตัวแทนจากทางกลุ่มไปทำการยื่นฟ้องใน 4 ประเทศได้แก่ ออสเตรีย, เบลเยียม, ฝรั่งเศส และเยอรมนี
ส่วนแนวทางป้องกันของบริษัทต่าง ๆ ต่อการบังคับใช้กฎหมาย GDPR นั้น พบว่ามีแตกต่างกันไป ตั้งแต่การไม่ขยายบริการเข้ามาในสหภาพยุโรป หรือบางบริษัท เช่น ทวิตเตอร์ ก็มีการพัฒนาระบบควบคุมที่ละเอียดมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะปฏิเสธการทำโฆษณาแบบระบุกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ด้านเฟซบุ๊กนั้นระบุว่า บริษัทมีการเตรียมตัวตั้งแต่ 18 เดือนก่อนหน้าเพื่อให้มั่นใจว่า บริการของเฟซบุ๊กสอดรับกับกฎหมาย GDPR และสุดท้ายกูเกิลที่ยืนยันว่า บริษัทมีการดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมาย GDPR แล้วอย่างแน่นอน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ BBC
