มีรายงานว่าเฟซบุ๊ก (Facebook) กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบประสบการณ์ Augmented Reality หรือ AR แบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม และสามารถดึงวัตถุในในโลกจริงมาเป็นตัวสั่งการให้คอนเทนต์ AR ออกมาทำงานได้ ซึ่งถือเป็นการเปิดประสบการณ์ในการใช้ AR ที่นักการตลาดไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
โดยการทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบระดับเบต้าที่ใช้เพื่อการโปรโมต “Ready Player One” ภาพยนตร์เรื่องดังของผู้กำกับอย่างสตีเฟน สปีลเบิร์ก และ “A Wrinkle In Time” ของวอลท์ดีสนีย์ ที่นำประสบการณ์ AR ผนวกไปกับโปสเตอร์หนัง โดยหากนำกล้องของเฟซบุ๊กไปจ่อที่โปสเตอร์ดังกล่าว ก็จะได้พบประสบการณ์ของโลกเวอร์ชวล และเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ที่ตั้งค่าไว้ออกมาโลดแล่นอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการควบกิจการ FayTeg สตาร์ทอัปสัญชาติเยอรมันที่สามารถตรวจจับวัตถุในคอนเทนต์วิดีโอและสามารถนำวัตถุนั้นมาปรับแต่ง หรือลบออกไปได้เข้ามาอยู่ใต้ชายคาของเฟซบุ๊กเมื่อปีที่ผ่านมา
โดยเฟซบุ๊กมีแผนจะเพิ่มความสามารถนี้ลงไปใน AR Studio เดือนหน้า เพื่อให้นักพัฒนาทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งานได้
ความสามารถใหม่นี้ถูกเรียกว่า Location-based Marker หรือก็คือการพัฒนาตัว Marker ที่ในการทดสอบนี้คือโปสเตอร์หนังที่ติดอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นตัวดึงให้คอนเทนต์ AR ทำงาน ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชให้แบรนด์และนักพัฒนาสามารถเข้ามาใช้ความสามารถของเทคโนโลยี AR ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานของผู้บริโภคให้ตื่นเต้นกับการนำเสนอประสบการณ์ AR ในแบบที่ยืดหยุ่น และต่างไปจาก AR แบบเดิม ๆ ที่เคยได้สัมผัสมาด้วย
จากฟีเจอร์ดังกล่าว ในแง่ของนักการตลาดยังสามารถทราบได้ว่า ผู้ใช้งานแต่ละรายอยู่ ณ จุดใดได้ด้วย ซึ่งน่าจะช่วยในการทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์จากอีมาร์เก็ตเตอร์ว่า คอนเทนต์ AR จะได้รับความนิยมและสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น 16.4% ในปีนี้ จากเดิมเคยทำได้ที่ 12.3% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากทำได้จะถือเป็นการขยายตัวของการใช้เทคโนโลยี AR ที่น่าจับตาเลยทีเดียว
