COLUMNISTS

8 เหตุผลผสมโรงขย่มเก้าอี้ ‘บิ๊กตู่’ หยุดหรือไปต่อ

Avatar photo
175

ความร้อนแรงทางการเมืองวันนี้หากจะเปรียบเทียบกับสภาพอากาศที่เผชิญอยู่บอกเลย “ไม่ต่างกัน” บางจังหวะร้อนเสียยิ่งกว่า อาจเป็นเพราะอยู่ในสภาพอึดอัดมานาน ชาวบ้านเรียกว่า “คันปาก” นั่นเอง

แต่หลังจากมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 22/2561 เรื่องการให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง  มีผลใช้บังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ความร้อนระอุทางการเมืองก็โผล่ขึ้นเป็นดอกเห็ด  มาเป็นระลอกก็ว่าได้

มีการประเมินกันทำนอง เป็นช่วงเวลาเอาคืนบ้าง ถึงเวลาวิพากษ์วิจารณ์บ้าง บริหารบ้านเมืองล้มเหลวบ้าง สร้างความไม่เป็นธรรมต่อสนามการเมืองบ้าง บางกลุ่มมองถึงกระบวนการไล่เช็คบิลก็มี  อาจเป็นช่วง“นาทีทอง” ที่ต่างขุดคุ้ยวิพากษ์วิจารณ์เพื่อสร้างคะแนนนิยม ก่อนเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 (หากไม่เลื่อน) หลังจากถูกแช่แข็งดำเนินกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้มานานกว่า 4 ปี

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ดูเหมือนมีการพุ่งเป้าไปที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เสียมากกว่า จะด้วยเหตุผลอันใดมิทราบได้ แต่เป็นปรากฎการณ์ที่ร้อนแรง และเชื่อว่าจะยิ่งร้อนแรงหนักนับจากนี้ไป

3333333
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล

อย่างเมื่อ2-3 วันที่ผ่านมา ยิ่งได้อ่านบทความ “8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก” ของ “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” อดีตรองนายกฯ ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง ออกมาร่ายยาวเรื่องราวต่างๆ จนทำให้ผู้คนในบ้านเมืองนี้ ตกตะลึงกันเป็นทิวแถวว่าเกิดอะไรขึ้น กับคนที่ชื่อ“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ข้อเขียนของ“หม่อมอุ๋ย”แต่ละข้อที่หยิบขึ้นมา เชื่อว่าผู้คนที่ได้อ่านเรียกว่า“ตาสว่าง”ขึ้น (หากเรื่องราวเหล่านั้นเป็นจริง) แต่ถ้าไม่เป็นความจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องชี้แจงให้ละเอียดก็เท่านั้น  ข้อมูลที่ปรากฎหากไม่ใช่ใกล้ชิด หรือรู้จริง คงไม่กล้าเขียนออกมาขนาดนี้ แต่เขียนออกมาด้วยเหตุผลประการใด ตอนนี้กำลังกลายเป็นคำถามในสังคม

 “มันเป็นปรากฎการณ์ที่น่าคิด  ผลที่ตามมาย่อมสั่นคลอนสถานภาพใครบางคนที่เกี่ยวข้องได้ ในภาวะการเมืองร้อนแรงแบบนี้”

ยิ่งข้อเขียนที่เป็นข้อ 2 และข้อ 5 อ่านกี่รอบๆ ก็ “ขนหัวลุก” หากเป็นจริงอย่างนั้น และยิ่งตอกย้ำคำถามสังคมมากขึ้นในเรื่องของความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน เป็นการเหลื่อมล้ำในเชิงธุรกิจ แบบพวกใครพวกมันชัดเจน

 

มีการวิพากษ์วิจารณ์กันถึงขั้นทำนองว่า ทั้ง 8 เหตุผลที่ถูก “หม่อมอุ๋ย”หยิบยกขึ้นมา มันอาจจะสร้างความไม่สง่างาม ที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมานั่งเก้าอี้นายกฯต่อแล้วใช่หรือไม่ เพราะช่วงหลังๆเห็น“ลูกหาบ” ในพรรคพลังประชารัฐ ต่างก็เชิดชูและผลักดันที่จะเสนอชื่อเข้าชิงเก้าอี้นายกฯหลังการเลือกตั้งกันรายวัน ยิ่งเห็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่“ลูกหาบ” ตระเวนเดินสายชี้แจงกับประชาชนก็ยังชู พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ร่ำไป

เมื่อ 8 เหตุผลปรากฎขึ้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้คนอยู่ไม่น้อย ทำนองมีการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ หรือเป็นการบีบคั้นให้นายกฯ ประยุทธ์ ต้องตัดสินใจอะไรกับตัวเอง นั่นหมายถึงว่า จะยังคงรับคำเชิญเสนอชื่อเป็นนายกฯ คนต่อไปให้กับพรรคพลังประชารัฐอยู่หรือไม่

คำถามถัดมา ถ้าไม่รับคำเชิญแล้วนายกฯประยุทธ์ ควรจะอยู่ตรงไหน อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นมีการประเมินกันว่า อาจจะมาจากความไม่ชัดเจน แบบชักเข้าชักออก ด้วยหรือไม่

ของขวัญปีใหม่คนจน 01 2

วันนี้สิ่งที่ “หม่อมอุ๋ย” ปล่อยหมัดเด็ดออกมา นอกจากทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องสั่นสะเทือนแล้ว ความชอบธรรมก็ดูเหมือนจะเจือจางเข้าไปทุกขณะ และกำลังกลายเป็นอาหารรสเด็ดของบรรดาพรรคการเมืองไปโดยปริยาย มีคนบอกว่า“ถ้าเรารักกัน อะไรก็ดูหวานชื่น แต่เมื่อไหร่ที่ไม่รักกันโกรธกันอะไรๆ ก็โผล่ออกมา” จะบวกจะลบก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉะนั้น 8 เหตุผลที่ปรากฎมันย่อมมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว

บัตรคนจนการใช้เงินฉะนั้น ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นสมมตินายกฯ ประยุทธ์ เกิด “สละเรือ” ไม่รับคำเชิญจากพรรคพลังประชารัฐที่จะเป็นนายกฯคนต่อไป อย่างนี้มันจะสะเทือนถึงพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคลื่นลูกใหม่ทางการเมืองแน่นอน ความยากลำบากในการหาเสียงย่อมเกิดขึ้น  ยังไม่นับรวมกรณีที่มี “ลูกหาบ” หยิบยกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่าน“บัตรคนจน”ไปเที่ยวหาเสียงบอกเล่าประชาชนช่วงวันหยุด

8 เหตุผลของ“หม่อมอุ๋ย”ที่ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีก อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของปรากฎการณ์ที่คนอื่นยังไม่กล้า แต่เมื่อไหร่ที่มีประกาศใช้ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ มีหวังมีอะไรโผล่ขึ้นมาอีกมากมาย

แม้แต่ภาคเอกชนเองบางส่วนยังรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ เพราะไม่ได้เติบโตหรือขยายตัวอย่างที่โม้ๆ ไว้ ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะเดินทางถูกทางจริงหรือไม่เรื่องนี้ยังคงเป็นปมในใจของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอยู่

แต่ที่แน่ๆวันนี้มีเอกชนบางคนถูกร้องขอจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ให้ช่วยออกมาประโคมข่าวเศรษฐกิจดีๆ เป็นไงละ  ทุกคนได้ยินเมินหน้าหนี เพ่นออกนอกประเทศกันไปแล้ว เพราะไม่รู้จะช่วยอย่างไร เสมือนหมดโปรโมชันไปแล้วนั่นเอง