หลังสิ้นภารกิจตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศ ไทย หรือไอแบงก์ ไปหมาดๆเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความโกลาหลกเกิดขึ้นทันที ในการจัดการเอาคนมาลงใน 2 ตำแหน่งใหญ่นั่นคือประธานคณะกรรมการไอแบงก์และเอ็มดีไอแบงก์
ความโกลาหลเกิดขึ้นก็เพราะมี “ขาใหญ่” รับปากไปทั่ว จัดการวางหมากที่จะเอาใครต่อใครเข้ามานั่งเป็น ประธานบอร์ดและเอ็มดีธนาคารการจัดหาคนมาลงในตำแหน่ง หากถูกต้องก็ไม่น่าจะมีอะไรน่าห่วง แต่แว่วๆมาว่า“ขาใหญ่”รายนี้พยายามดันคนของตัวเองเข้าไปสวม แต่ลืมสังเคราะห์ว่า ลูกหาบมีอายุเกินกว่าที่จะเป็นเอ็มดีธนาคารได้ เท่านั้นไม่พอยังใช้อำนาจใดไม่ทราบ สั่งให้มีการแก้เงื่อนไขเสียอย่างนั้น
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้มีการวางกฎกติกาไว้แล้วว่า“ผู้ที่จะสมัครเข้ามาเป็นเอ็มดีแบงก์ได้ต้องอายุไม่เกิน 55 ปี ในวันสมัคร” ทำไมลืมอะไรง่ายเสียเหลือเกิน
ว่ากันว่างานนี้มีงัดข้อกับผู้หลักผู้ใหญ่พอสมควร กับข้อเสนอที่จะให้แก้กฎระเบียบ เพื่อดันคนของตัวเองเข้าเสียบ วิธีการอย่างนี้น่าเกลียดที่สุดเท่าที่ได้ยินได้ฟังมา น่าเกลียดตรงที่กล้าสั่งให้ แก้ไขสเปค เพื่อให้กับใครบางคน งานนี้บังเอิญเจอพวกประเภท “หัวแข็ง” ไม่ทำตาม เป็นอะไรเป็นกัน
ความพยายามไม่จบสิ้น ถึงขึ้นผลักดันให้ไปนั่งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรี จนได้ หลังพลาดท่าจากเก้าอี้เอ็มดีไอแบงก์ไป
เท่านั้นยังไม่พอกลับพยายามผลักดันลูกหาบอีกคนเข้ามานั่งประธานกรรมการไอแบงก์ ทั้งๆที่เหลือเวลาแค่ 7 เดือนก็อายุ 65 ปีแล้ว เมื่ออายุครบ 65 ปี ก็ต้องลุกจากเก้าอี้เพราะกฎหมายกำหนดไว้เท่านี้ ถามว่าระยะเวลาที่เหลือมันจะทำอะไรได้ หรือเพราะต้องการวางขุมกำลังด้านการเงินอย่างนั้นหรือ
ฉะนั้นตำแหน่งประธานไองแบงก์คนใหม่ คงเป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งในการประชุมผู้ถือหุ้นเดือนหน้าว่าจะเดินหน้าอย่างไร
เห็นความพิศดารของแต่ละเรื่องแต่ละหน่วยงานตอนนี้ เริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในส่วนของการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่รู้ว่าวางหมากแบบนี้เพื่อให้การพัฒนาประเทศเดินหน้าได้ เศรษฐกิจจะได้ขยายตัวเยอะหรือว่าเพื่อต้องการวางหมากรับเลือกตั้งหรืออย่างไร
