กฎระเบียบมีไว้ให้พวกเราปฏิบัติตาม เราจะไม่ฝ่าฝืน ไม่ละเมิด เพราะพวกเราเป็นผู้มีวินัย และที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น พวกเราต้องปกป้อง และรักษาเอาไว้ ไม่ว่ากฎระเบียบนั้นจะดีหรือไม่
เราต้องเป็นผู้รักษากฎ และจะมีความสุข เมื่อได้เห็นคนอื่นปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน
นี่! คือกลุ่มคนที่เปรียบเสมือน “แกะ” ซึ่งพร้อมจะดำเนินชีวิต ด้วยการเล็มหญ้าอยู่ในทุ่งกว้างอย่างสงบ
กฎระเบียบไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เราฝ่าฝืนได้ ละเมิดได้ถ้าจำเป็น เพราะพวกเราต้องกุมชะตาชีวิตของตัวเอง เราต้องเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ เราต้องกล้าเสี่ยง แม้รู้ว่าอาจเกิดหายนะตามมา แต่เราจะไม่ปล่อยให้กฎมาอยู่เหนือชีวิตของพวกเรา
นี่! คือกลุ่มคนที่เปรียบเสมือน “หมาป่า” ที่ต้องใช้ชีวิตโลดโผนในป่าใหญ่ ต้องปรับตัว ต้องปราดเปรียว เฉลียวฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยม มีเป้าหมายชัดเจน เพื่อล่าเหยื่อประทังชีวิต และเอาตัวรอดเพื่อขยายเผ่าพันธุ์
“แกะ” เป็นนักเล็มหญ้า “หมาป่า” เป็นนักล่าเนื้อ ทั้งคู่มีชีวิต และ พฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนจะอยู่ร่วมกันได้ยาก แต่ “รักพี่เสียดายน้อง” เพราะทั้งคู่ต่างมีดี มีเสีย
ในทุกองค์กร ต้องการคนที่ กล้าคิด กล้าเสี่ยง กล้าเปลี่ยน และกล้าชน ในขณะเดียวกันคนที่มี วินัย มีจริยธรรม มีความซื่อสัตย์ ก็จำเป็นไม่แพ้กัน ถ้าต้องเลือก คงเลือกยาก เอาเป็นว่าเก็บทั้งคู่ไว้ในองค์กรแล้วกัน
แต่ต้องบริหารจัดการให้เป็น คำแนะนำ คือ
1. หมั่นปรับปรุงกฎกติกา และขั้นตอนการทำงาน ให้เหมาะสมที่สุดอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ปฏิบัติได้จริง และเกิดผลลัพธ์ที่ดี โดยเฉพาะพวกแกะ ที่พร้อมทำตามโดยไม่โต้แย้งอยู่แล้ว จะได้ไม่เกิดความเสียหายโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่พวกหมาป่า ก็จะได้ไม่หยิบไปเป็นข้ออ้างในการแหกกฎว่า เพราะกฎเดิมไม่อัพเดต
2. ผ่อนปรนให้มีการปรับเปลี่ยน หรือยกเว้นกฎกติกาได้บ้าง ตามความจำเป็นในช่วงสั้น ๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่าเถรตรงเกินไป เพื่อให้พวกหมาป่าไม่อึดอัด และจะได้ไม่ต่อต้านจนบานปลาย
3. สื่อสาร และทำความเข้าใจ เรื่องกฎกติกา และระเบียบต่าง ๆ กับผู้ปฏิบัติงานทุกกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงชี้ให้เห็นประโยชน์ และผลกระทบ ที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้รับในกรณีที่ทำตาม และไม่ทำตามกฎกติกาขององค์กร
ดังนั้นไม่ต้องเลือก เก็บไว้ทั้งคู่เลย ทางออกไม่ได้มีแค่ ต้องเลือกซ้าย หรือขวา แต่เราเลือกที่จะบริหารทั้งนักเล็ม และนักล่าให้สามารถอยู่ร่วมกันได้จะดีกว่า
จริงไหมครับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โควิด’ กลับมา เพราะคนขาด ‘SELF-AWARENESS’
- เมื่อ’ไวรัส’ เปลี่ยนโลก ‘เรา’ ต้องเปลี่ยนตัวเอง
- ‘ไม่มีเวลา’ หรือ ‘ไม่บริหารเวลา’ กันแน่
