COLUMNISTS

กำลังซื้ออสังหาฯชาวจีนและการเข้ามาของทุนจีนในไทย

Avatar photo
กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA)
245

ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยที่ชะลอตัวต่อเนื่องหลายปีทั้งจากปัญหาการเมืองภายในประเทศและการส่งออกที่ลดลงส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวตามไปด้วย

ดังนั้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะกำลังซื้อคนไทยลดลง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องหารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติมากขึ้น เพื่อทดแทนกำลังซื้อของคนไทยที่ลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการทุกรายนั้นไม่สามารถชะลอการสร้างรายได้ของตนเองได้โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ที่รายได้ต่อปีนั้นจำเป็นต้องมีการขยายตัวไม่น้อยกว่า 5 – 10% ต่อปี การออกไปหากำลังซื้อต่างชาติจึงเป็นอีกช่องทางที่ผู้ประกอบการทุกรายให้ความสนใจ

กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เลือกเข้ามาทดแทนกำลังซื้อคนไทย คือ กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 1 ต่อเนื่องมาหลายปี อีกทั้งคนจีนนั้นไม่ใช่เข้ามาในประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้นเพราะพวกเขาเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศโดยมีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ที่เดินทางไปด้วย

ประมาณ 42% ของกลุ่มคนจีนที่เดินทางออกนอกประเทศนั้นมีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเพื่อการลงทุน เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนได้อีกแล้ว เนื่องจากรัฐบาลจีนมีกฎระเบียบที่เข้มงวดควบคุมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน เพื่อควบคุมปัญหาเรื่องฟองสบู่ราคาอสังหาริมทรัพย์

ขณะเดียวกันคนจีนนั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่โดนจำกัดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาจึงจำเป็นต้องหาช่องทางในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศและประเทศไทยนั้นมีความเหมาะสมที่สุดทั้งในเรื่องของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่สูง แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แม้ว่ากลุ่มผู้ซื้อคนจีนจะมีปัญหาเรื่องของการโอนเงินออกนอกประเทศจากการควบคุมของรัฐบาลจีนก็ตาม และเมื่อมีคนจีนเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น กลุ่มของผู้ประกอบการจีนก็เริ่มมองหาช่องทางในการเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้นเช่นกัน

กลุ่มผู้ประกอบการจีนเริ่มมีการขยับตัวมากขึ้นในช่วง 1- 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าก่อนหน้านี้อาจจะมีผู้ประกอบการจีนเข้ามาบ้างแล้วเพียงแต่เป็นบริษัทขนาดไม่ใหญ่เป็นเพียงกลุ่มบุคคลหรือบุคคลเท่านั้น และพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 1 โครงการแล้วก็เงียบไป อาจจะมีเพียงแค่ไม่กี่รายเท่านั้นที่มีโครงการใหม่ต่อเนื่อง แต่การพัฒนาโครงการใหม่ของกลุ่มผู้ประกอบการจีนนั้นยังคงไม่ได้มากเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ประกอบการหรือนักลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น

แต่ปัจจุบันเริ่มมีการบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศจีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น บางรายเข้ามาแล้วและบางรายเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศจีนนั้นมีขนาดใหญ่กว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยมากมายหลายเท่าตัว เพราะว่าบางบริษัทนั้นมีรายได้ต่อปีมากกว่า 2 ล้านล้านบาทอีกทั้งบางบริษัทไม่ใช่เป็นบริษัทสัญชาติจีนอีกแล้ว เพราะว่าพวกเขานั้นมีโครงการอยู่หลายประเทศทั่วโลกทั้งโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม รีสอร์ท หรือว่าโครงการรูปแบบอื่นๆ จึงสามารถเรียกพวกเขาว่าเป็นบริษัทระดับโลก

การที่ผู้ประกอบการจีนหรือนักลงทุนเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้นอาจจะไม่ใช่สัญญานที่ดีของผู้ประกอบการไทยเท่าที่ควร เพราะว่าผู้ประกอบการไทยที่ช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาต่างก็เบนเข็มไปหากลุ่มผู้ซื้อชาวจีนกันเป็นส่วนใหญ่และถ้าในอนาคตผู้ประกอบการจีนเข้ามาเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมหรือบ้านจัดสรรเองก็อาจจะมีผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่อาจจะสูญเสียกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนบางส่วนไป เพราะผู้ซื้อชาวจีนคงเลือกซื้ออสังหาริมทัพย์ที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการชาวจีนมากกว่า เนื่องจากความสะดวกในการชำระเงินไม่ติดขัดเรื่องของการโอนเงินระหว่างประเทศ

แม้ว่าผู้ประกอบการไทยจะมีการเปิดสาขาในประเทศจีน เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องนี้ก็ตาม เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีบริษัทหรือผู้ประกอบการรายใหญ่ของจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ก็คงอีกไม่นานเพราะเมื่อกำลังซื้อของคนจีนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแบบที่ผ่านมาก็เป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้พวกเขาต้องตัดสินใจบางอย่างในอนาคตก็เป็นไปได้!!