เชื่อหรือไม่ว่า ตลอดชั่วชีวิตของคนเราหนึ่งคน จะมีโอกาสเป็นโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ มากถึง 1 – 15% โดยนิ่ว สามารถเกิดขึ้นได้ในอวัยวะที่มีการสัมผัสกับปัสสาวะโดยตรง คือ ไต กรวยไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ แน่นอน!! คุณผู้อ่าน ย่อมเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องกลั้นปัสสาวะกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขณะอยู่ในที่สาธารณะบ้าง หรือ กำลังทำงานติดพันอยู่บ้าง และเกิดปวดปัสสาวะ ทำให้ต้องกลั้นปัสสาวะจนหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่รู้หรือไม่ว่า คนที่เป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะนั้น มีอาการตรงกันข้ามเลยค่ะ ไม่ได้ต้องอด ต้องกลั้น แต่อย่างใด แย่ไปกว่านั้นคือ เบ่งอย่างไรก็ไม่ออกหรือออกบ้างแต่ยากเย็นแสนเข็ญมาก แค่คิดก็ทรมานแทนแล้ว ดังนั้น ในบทความนี้ ขอนำคุณผู้อ่านมาพบกับ ท่านนายแพทย์ ภัทร์ ศักดิ์ศิริสัมพันธ์ – อนุสาขา ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยาขั้นสูง และปลูกถ่ายไต ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในเรื่องนิ่วในทางเดินปัสสาวะ กันนะคะ
เรามาดูกันนะคะ ว่าการที่เรานั่งทำงานเฉย ๆ ในแต่ละวัน หรือ การกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ จะเป็นปัจจัยให้เกิดได้ไหม อย่างไร
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดนิ่ว
- เพศ เพศชาย มีโอกาสเกิดนิ่วได้มากกว่าเพศหญิง ถึง 2 เท่า
- อายุ นิ่วจะพบมากสุดในอายุ 40 – 60 ปี และพบไม่บ่อยในคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี
- เชื้อชาติ ข้อนี้มีผลวิจัยด้วยค่ะ ว่าชนต่างชาติกัน มีโอกาสเป็นนิ่วต่างกัน ชนผิวขาว ชาวละติน ชาวเอเชีย และอเมริกัน-แอฟริกัน ตามลำดับ
- ฤดูที่เปลี่ยนไป พบ นิ่ว ในช่วงฤดูร้อนมากกว่า ฤดูอื่น ๆ
- อาชีพ โดยส่วนใหญ่อาชีพที่ต้องสัมผัสกับความร้อน จะเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วมากขึ้น เช่น พ่อครัว แม่ครัว พนักงานโรงงานหลอมเหล็ก เป็นต้น
- อาหารการกิน ถือว่ามีส่วนสำคัญเช่นกัน นิ่วจะเกิดมากขึ้นในคนที่ชอบทาน เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ และอาหารที่มีสารออกซาเลตสูง เช่น มันฝรั่ง หัวผักกาด ฯลฯ
- การดื่มน้ำ การดื่มน้ำปริมาณมากมีผลช่วยป้องกันการเกิดนิ่วได้ ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย จะมีโอกาสเป็นนิ่วได้มากกว่า
เมื่อเราทราบถึงปัจจัยแล้ว คุณผู้อ่านอยากจะทราบถึงอาการ ว่าอาการจะเป็นอย่างไร มีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ
อาการของนิ่วในทางเดินปัสสาวะ สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ อาจจะมีอาการ หรือ ไม่มีอาการก็ได้ ในกรณีที่มีอาการนั้น จะเกิดจากสาเหตุหลัก ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ :-
- อาการปวด ถ้านิ่ว อุดกั้นปัสสาวะภายในไต จะมีอาการปวดตื้อ ๆ ที่บริเวณไต คือ ตรงบริเวณบั้นเอวเยื้องไปทางด้านหลัง ถ้านิ่วมาอุดกั้นที่ท่อไต ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบั้นเอว หรือ ท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่งแบบทันทีทันใด และปวดรุนแรงมาก เริ่มแรกอาจปวดมากสลับกับปวดเบาเป็นพัก ๆ อาจมีปวดร้าวไปที่ตำแหน่งอื่นได้ เช่น ท้องน้อย หัวหน่าว ขาหนีบ
- อาการอักเสบ หรืออาจเป็นการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ส่วนบน ได้แก่ การติดเชื้อที่ไต หรือ กรวยไต จะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดบริเวณบั้นเอวเยื้องไปทางด้านหลัง และอาจมีปัสสาวะขัด
- อาการอื่น ๆ อาจมีปัสสาวะมีเลือดปน มองเห็นเป็นสีแดง หรือ ชมพูคล้ายน้ำล้างเนื้อ อาจมีลิ่มเลือดปนอยู่ หรือ มีนิ่วหลุดออกมาขณะปัสสาวะ อาจเห็นเป็นเศษหินเล็ก ๆ เม็ดกรวด หรือ เม็ดทราย หลุดมากับปัสสาวะ
เมื่อเราทราบถึงอาการเบื้องต้นแล้ว ทีนี้ เรามาดู 5 วิธีป้องกันนิ่วในทางเดินปัสสาวะกันค่ะ
- แนะนำดื่มน้ำให้มาก ๆ จะดื่มมากเท่าใด ให้ดูจากปริมาณปัสสาวะที่ออกตลอดวัน อธิบายง่าย ๆ คือ แนะนำให้ดื่มน้ำจนกระทั่งปัสสาวะออกมามากว่า 2 ลิตรต่อวัน
- ดื่มน้ำผลไม้ที่มีส่วนประกอบของซิตรัส เช่น น้ำมะนาว และน้ำส้ม ช่วยป้องกันนิ่วได้เป็นอย่างดี
- ลดปริมาณการทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ให้น้อยลง
- จำกัดอาหารที่มีเกลือโซเดียมให้น้อยลง โดยการลดการทานเค็ม นั่นเอง
- เรื่องน้ำหนักตัว ก็มีส่วนเช่นกัน พยายามลดน้ำหนักตัวลง ไม่ให้อ้วน มีงานวิจัยมาแล้วว่า ดัชนีมวลกาย (body mass index BMI) ที่เพิ่มขึ้น รอบเอวที่ใหญ่ขึ้น และน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วสูงเลยทีเดียว
ถือเป็นโรคที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน และเราสามารถป้องกันได้อย่างง่าย ๆ และถูกวิธี ตามที่กล่าวเบื้องต้น ช่วงนี้ อากาศเย็นมาเยือนแล้ว ดูแลสุขภาพกันนะคะ ผู้เขียนจะพยายามเลือกหัวข้อสุขภาพ ที่คุณผู้อ่านอีเมล์เลือกกันมานะคะ และจะเขียนผ่านสื่อนี้ ส่วนผู้อ่านท่านใดต้องการอ่านย้อนหลัง สามารถตามอ่านที่ บล็อกสุขภาพ Blog : I-KINN.com ได้เช่นกันค่ะ พบกันใหม่ฉบับหน้า สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ สวัสดีคะ
(เครดิต : นพ.ภัทร์ ศักดิ์ศิริสัมพันธ์)
www.kinn.co.th
#KINN_Holistic_Healthcare