เรื่องขี้ฝุ่น : ไหวไหม?
ถึงจะคะเนล่วงหน้าว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ปีนี้จะไม่น้อยหน้ากว่าปีไหนๆ แต่ช่วงวันที่ 20 -24 มกราคม 2568 ก็พบว่าอาการรุนแรงเข้มข้นยิ่งกว่า
เห็นกันได้ด้วยตาเปล่าว่า ความทึบทึมของสภาพแวดล้อมทำให้อาคารสูงบางหลังถูกบังมิด เสียงจากผู้ได้รับผลกระทบระบบทางเดินหายใจดังให้ขรม
นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร แสดงบทบาทผู้นำสั่งการข้ามทวีป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการนู่นนี่นั่น แต่ก็เป็นเพียงแค่ภาพการใช้อำนาจเท่านั้น
ไม่ได้ทำให้ฝุ่นจาง
เป็นการย้ำให้ทำตามอำนาจหน้าที่ เช่นให้รองนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ร่วมกับรองนายกฯ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ กำหนดมาตรการเฉพาะหน้า ที่จะช่วยเหลือประชาชน บรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยเร็ว ควบคู่กับการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น ตามมติ ครม. และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คงเห็นว่า บรรดามาตรการที่แถลง เหมือนจะเข้าใจฝุ่นไม่ตรงกัน ก็เลยจัดเวทีแถลงข่าว NRCT Talk ชวนสื่อมวลชนมาขยายความ ให้เข้าใจชัดๆอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่ว่า ฝุ่นมาจากไหน วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีคำตอบ
ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผอ.ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ วช. อธิบายจากการศึกษางานวิจัย พบว่า มลพิษทางอากาศเกิดจากหลายสาเหตุ ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าฝุ่น PM2.5
1.แหล่งกำเนิด เช่น การเผาในที่โล่ง การจราจร
2.สภาพภูมิอากาศ เช่น ลม ความกดอากาศ ส่งผลโดยตรงต่อการแพร่กระจายหรือการเคลื่อนที่ของฝุ่น PM2.5
3.ลักษณะภูมิประเทศ เป็นแอ่งกะทะ
จากปัจจัยทั้งหมด มีเพียงแหล่งกำเนิดเท่านั้นที่ควบคุมได้ เช่น ปัญหาอยู่ที่การเผา หรือรถยนต์ ก็อย่าให้เผา อย่าให้รถเข้า
ส่วนความกดอากาศสูง ภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ จะสั่งให้ใครไปยืนขวาง ขุดแต่งภูมิประเทศให้สูงขึ้นคงไม่ได้
การที่ฝุ่นเยอะที่กรุงเทพและภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่าภาคเหนือ เพราะช่วงนี้ เป็นฤดูกาลที่ภาคเกษตรกรรมย่านนี้ ทั้งในและนอกประเทศ ด้านตะวันออก กำลังเผาเศษวัสดุ เพื่อประโยชน์ในการเก็บเกี่ยวและเตรียมพื้นที่สำหรับฤดูกาลถัดไป
งานวิจัยพบทิศทางลม และย่านความร้อนหรือฮอตสปอตชัดเจน
การห้ามเผา ต้องมีแรงจูงใจ ทำให้เห็นว่า มีนวัตกรรมทำให้เศษวัสดุนั้นใช้ประโยชน์ได้ รัฐต้องสนับสนุนทุนให้เกิดขึ้น จะให้เกษตรกรออกเงิน หรือหาวิธีกำจัดอย่างอื่น คงยาก เทียบกับการจุดไฟซึ่งต้นทุนต่ำกว่า
ปัญหาจากนอกประเทศที่รู้กันว่าต้องเจรจาหาความร่วมมืออย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ค่อยปรากฏรูปธรรม
ทีอย่างนี้ ไม่เร่งMOUให้เป็นผล
แต่ธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ ก็ไม่ถึงโหดร้ายให้เราต้องทนดมฝุ่นติดต่อกันเป็นเดือนหรอก สัก 3-5 แล้วก็มีลมระลอกใหม่พัดมาบรรเทา
วันที่ 26 ถึง 28 มกราคม 2568 ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ จะกระพือมา ท้องฟ้าจะแจ่มใสให้ชื่นใจกันสัก 3-4 วัน
แต่คงเทียบกับสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้
หลังจากนั้น พอลมอ่อนกำลัง ฝุ่นร้ายก็จะมาให้เราสูดกันอีก
แรงแค่ไหนไม่รู้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg