COLUMNISTS

รัฐบาลคสช.แจกเงินเที่ยว เก็บเกี่ยวข้อมูลเด็กอายุ 18 ?

Avatar photo
2736

หลังเลือกตั้งเดือนเศษ มีการเร่งเครื่องหลายเรื่องจากรัฐบาลคสช. ทั้ง ๆ ที่อยู่ในภาวะนับถอยหลังทางอำนาจ แต่กลับใช้อำนาจแบบเต็มไม้เต็มมือ ทั้งการออกคำสั่งตามมาตรา 44 อุ้มทุนโทรคมนาคม  ล่าสุด เตรียมใช้งบกลาง 1.5 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีนำไปเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด รายละ 1,500 บาท

2018 08 23 07 40 16 thaifest2

หากเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งปกติจะไม่สามารถดำเนินการลักษณะนี้ได้ เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการที่มีข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับคามเห็นชอบจาก กกต.ก่อน

เหตุผลที่รัฐธรรมนูญกำหนดเช่นนั้น ก็เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งได้เข้ามาเป็นผู้กำหนดนโยบาย รวมถึงป้องกันไม่ให้รัฐบาลช่วงเปลี่ยนผ่านใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง

แต่เงื่อนไขเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับรัฐบาล คสช. ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น คือ ใช้อำนาจเต็มที่ อนุมัติงบประมาณเต็มสูบ ท่ามกลางข้อกังขาว่าประเทศชาติได้ประโยชน์จริงหรือ

โดยเฉพาะกรณีล่าสุดในการแจกเงินเที่ยวเมืองรอง ตามแผนของกระทรวงการคลังกำหนดผู้มีสิทธิเข้า โครงการต้องเป็นคนไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป นับแต่วันเริ่มโครงการ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตถึงการกำหนดเงื่อนไขอายุ 18 ปีบริบูรณ์ว่า บังเอิญเป็นอายุเริ่มต้นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งพอดิบพอดี

เงื่อนไขต่อมาของโครงการนี้คือ จะต้องลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชัน ขอใช้ระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้รัฐเติมเงิน 1,500 บาทเข้ากระเป๋าเงินดังกล่าว นำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ลงทะเบียนคิวอาร์โค้ดไว้ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนราว 10 ล้านคน กำหนดกรอบเวลาใช้เงินเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดภายในเดือนมิถุนายนเท่านั้น

จะเห็นได้ว่าข้อกำหนดในการแจกเงินครั้งนี้ ยังคงอยู่บนฐานความคิดแบบเดิมที่รัฐเคยแจกจ่ายเงินช่วยผู้มีรายได้น้อย ให้ใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ ทำให้การแจกเงินถูกนำไปใช้แบบกระจุกไม่กระจาย จนทำให้ไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่รัฐวางเป้าหมายไว้

แม้ในครั้งนี้จะมีการขยายขอบเขตการใช้เงินให้ครอบคลุมถึงร้านค้าที่มีคิวอาร์โค้ดของทุกธนาคารพาณิชย์ไม่จำกัดแค่กรุงไทยหรือร้านธงฟ้า แต่ก็ยังไม่เปิดกว้างให้ประชาชนที่ได้รับเงินใช้จ่ายได้โดยเสรี การกระจายเงินจึงไม่เป็นไปในวงกว้าง ทำให้เป้าหมายที่คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีคำถามว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจริงตามที่รัฐบาลวางไว้หรือไม่

เพราะรัฐบาลคสช.กระตุ้นเศรษฐกิจมาแล้วหลายรอบ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เคยระบุไว้ในรายการศาสตร์พระราชาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 ว่า 3 ปีรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนฐานรากไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านบาท

มาวันนี้บริหารประเทศ 5 ปีแล้ว ยอดการใช้เงินย่อมเพิ่มตามไปด้วย แต่ยังต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา จึงควรทบทวนแล้วว่าวิธีการที่ทำ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือเปล่า

ข้อน่าสังเกตอีกประเด็นหนึ่งคือการกำหนดให้บุคคลที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ เป็นต้นไปคือผู้มีสิทธิเข้าโครงการนั้น เท่ากับจะทำให้รัฐบาลคสช.จะได้โอกาสในการเก็บข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากขึ้นโดยเฉพาะเด็กอายุ 18 ปี ใช่หรือไม่ การกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้มีวาระซ่อนเร้นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า?