CEO INSIGHT

‘สยามพิวรรธน์’ ชูกลยุทธ์ ‘Above the Ocean’ ทำธุรกิจไร้คู่แข่ง ก้าวอย่างมั่นคง-ยั่งยืน

“สยามพิวรรธน์” พลิกโฉมทำธุรกิจใหม่ ชูกลยุทธ์ “Above the Ocean” อยู่เหนือความเปลี่ยนแปลง เน้นจับมือเป็นพันธมิตร แทนการแข่งขัน ร่วมสร้างอีโคซิสเต็ม เพื่อความสำเร็จที่มั่นคง และยั่งยืน สร้างโลกใหม่ที่ไร้พรมแดน เต็มไปด้วยโอกาสในหลากหลายมิติ

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของ และผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวว่า สยามพิวรรธน์กลับมองสถานการณ์ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่

สยามพิวรรธน์

บริษัทได้ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากวิกฤติครั้งก่อน ๆ ผนวกกับการตัดสินใจปรับตัว ปรับองค์กรอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ได้ ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีผลประกอบการเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ก่อนที่จะเกิดโควิดระบาุด ทั้ง ๆ ที่ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา

นางชฎาทิพ ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ ไม่ได้ตั้งเป้าอยากเป็นที่หนึ่ง ในเรื่องจำนวนศูนย์การค้า และไม่ได้อยากเป็นที่หนึ่ง ในเรื่องการครองตลาด ให้มีพื้นที่ที่มากที่สุด แต่สยามพิวรรธน์ เน้นใช้กลยุทธ์ Top of Mind 4 ด้าน ที่นำพาธุรกิจให้ยืนหยัดมาได้จนถึงวันนี้

4 กลยุทธ์ดัน สยามพิวรรธน์ เติบโต

ที่หนึ่งในใจผู้คน

ไม่ใช่แค่เฉพาะคนไทย แต่เป็นของคนทั้งโลก ซึ่งเป้าหมายนี้เป็นจริงได้ เมื่อสยามพารากอนติดอันดับ 6 บน Global Facebook เป็นสถานที่ ที่มีผู้เช็คอินมากที่สุดของโลก และยังเป็นสถานที่ ที่มีคนเช็คอินมากที่สุดบนอินสตาแกรม

ทุกศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวหลายประเทศว่ าเป็นศูนย์การค้าที่พวกเขาชื่นชมมากที่สุดตลอดมา

ที่หนึ่งในใจคู่ค้า

สยามพิวรรธน์ยึดมั่นในหน้าที่ ที่ต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะทำให้คู่ค้าร้านค้านับหมื่นรายในศูนย์การค้า ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มีบทพิสูจน์ว่า สามารถสร้าง traffic โดยรวมในศูนย์การค้าได้มากกว่า 100 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวมากกว่า 25 ล้านคน ส่งผลให้ร้านค้าหลายแบรนด์ ที่เปิดสาขากับสยามพิวรรธน์ มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และแบรนด์จากต่างประเทศ ก็มียอดขายติด 10 อันดับแรกของโลกเมื่อเปรียบเทียบกับสาขาอื่น ๆ

สยามพิวรรธน์

ที่หนึ่งในใจพันธมิตรทางธุรกิจ

ศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ได้ทำหน้าที่ค้าขายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเวทีสร้างแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรมากมาย จับมือกับทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน สร้างต้นแบบธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกันสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้าของพันธมิตรต่าง ๆ ตลอดมา

ที่หนึ่งของโลก

เพราะศูนย์การค้าคือแม่เหล็กสำคัญ ที่เสริมสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็น shopping paradise ที่จะดึงดูดคนทั้งโลก สยามพิวรรธน์จึงมุ่งมั่นสร้างโครงการที่จะแข่งขันกับโครงการใหญ่อื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างความยอมรับนับถือในวงการศูนย์การค้าโลก และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย

ทุกศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์จึงคว้ารางวัลที่หนึ่งจากองค์กรระดับโลกมากกว่า 40 รางวัล ในสาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยมีศูนย์การค้าใดในประเทศ และในภูมิภาคเอเชีย ได้รับรางวัล และเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากเช่นนี้

“เราไม่ได้มีศูนย์การค้าในหลายจังหวัด หรือทั่วประเทศ แต่เรามีเพียง 4 ศูนย์การค้า กับอีก 1 Luxury Outlet Mall ที่ล้วนได้รับรางวัลชนะเลิศ เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาต่าง ๆ จากองค์กร และสมาคมระดับโลกมากมาย อาทิ ด้านนวัตกรรม-การออกแบบ ปฏิวัติวงการค้าปลีก ด้านการตลาด และสร้างประสบการณ์ระดับโลก เป็นโครงการที่สนับสนุนธุรกิจรายย่อย SME ที่ดีที่สุด เป็น green Leadership พัฒนาความยั่งยืน และสร้างจุดหมายปลายทาง ที่คนทั่วโลกอยากมามากที่สุด ตอกย้ำว่า คนไทยสามารถทำได้ และในวันนี้ผู้พัฒนาศูนย์การค้าในประเทศต่าง ๆ อยากเดินทางมาเพื่อเรียนรู้จากเรา”

เป้าหมายในการทำธุรกิจของเรา ไม่ได้อยู่แค่เรื่องผลตอบแทนเท่านั้น แต่เราต้องการสร้างมิตรภาพเหนือกาลเวลากับคู่ค้า และพันธมิตร รางวัลชีวิตของพนักงานของเรา คือ การได้เป็นบ้านหลังที่สองของผู้คน ดูแล และเติมเต็มความปรารถนา และประสบการณ์ชีวิตให้แก่ลูกค้าอย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์ และเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความสำเร็จให้กับคู่ค้าและพันธมิตร

สยามพิวรรธน์
ชฎาทิพ จูตระกูล

“ด้วยกลยุทธ์และพันธสัญญาทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ 7 ปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ มียอดขายเติบโตขึ้น 5 เท่า บริษัทย่อยของเรา เติบโตจาก 32 บริษัทขึ้นมาเป็น 48 บริษัท ท่ามกลางวิกฤติโควิด เรายังสามารถเปิดธุรกิจใหม่ Siam Premium Outlets Bangkok ซึ่งเป็น luxury outlet mall แห่งแรกในประเทศไทยในกลางปี 2564 และพัฒนา Digital Platform ใหม่คือ ONESIAM SuperApp สำเร็จได้ภายใน 13 เดือน”

ความท้าทายภายหลังสถานการณ์โควิดเป็นสิ่งที่หลายองค์กรต่างขบคิด และเผชิญหน้าอยู่ เช่นเดียวกับสยามพิวรรธน์ที่วางกลยุทธ์ใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว

นางชฎาทิพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อ 10 ปีก่อน สยามพิวรรธน์ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มการถูก disrupt จาก digital evolution จึงปรับกลยุทธ์ให้ทุกศูนย์การค้า สร้างคุณค่า และประสบการณ์ที่แตกต่างแต่โดนใจ สร้าง emotional engagement ด้วยกลยุทธ์ emotional marketing

อีกทั้ง ได้เริ่มทำ digital transformation ภายในบริษัทต่อเนื่องมา และสร้าง data bank ข้อมูลทั้งหมดสำเร็จในต้นปี 2565 เมื่อเกิดวิกฤติโควิ ดจึงพร้อมที่จะรับมือ และสร้าง digital platform เพื่อบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

จากนี้ไปสยามพิวรรธน์จะพลิกเกมใหม่ ด้วยแนวคิด Rise above and beyond คือ การสร้างกลยุทธ์ที่จะก้าวข้ามทุกความสำเร็จที่เคยทำได้ ก้าวข้ามทุกการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ดี และท้ายสุดคือ ก้าวข้ามทุกความท้าทายให้ได้

กลยุทธ์ใหม่ของสยามพิวรรธน์ คือ การเปลี่ยนจากกลยุทธ์ “Blue Ocean” ไปสู่กลยุทธ์ “Above the Ocean” ซึ่งก็คือ กลยุทธ์ที่อยู่เหนือการเปลี่ยนแปลง โดยถอยตัวเองออกมา และมองธุรกิจในบริบทใหม่ ทำลายกรอบเดิม ๆ ในการทำธุรกิจให้หมดสิ้นไป พร้อมสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ บนคุณค่าที่เป็นต้นทุนของบริษัทอย่างไม่มีข้อจำกัด

ดำเนินธุรกิจโดยปราศจากคู่แข่ง แต่เปี่ยมไปด้วยพันธมิตร ร่วมกันสร้าง Ecosystem เพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าและยั่งยืน สร้างโลกใหม่ที่ไร้พรมแดน และเปี่ยมด้วยโอกาสหลากหลายมิติ

สยามพิวรรธน์

สิ่งที่จะทำต่อไปภายใต้กลยุทธ์ Above the Ocean คือ การต่อยอดจากการสร้างคุณค่าไปสู่มูลค่า

1.  แบ่งปันประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย (Sharing Economy) ผ่าน ONESIAM SuperApp และ VIZ COINS

2. ผนึกกำลังกับพันธมิตร (Co-Creation) สร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมาย ทั้ง Physical Platform และ Digital Platform เพื่อขยายสู่การรองรับ Global Citizen

3. ร่วมมือเพื่อเติบโตไปด้วยกัน (Collaboration To Win) โดยสร้างระบบนิเวศแห่งความสำเร็จร่วมกับ 50 พันธมิตร 13 อุตสาหกรรม ที่ได้เริ่มทำงานร่วมกันแล้ว

4. สร้างความยั่งยืน ผ่านทุกกระบวนการ และในทุกธุรกิจที่ดำเนินการ (Sustainable Value In Process) เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันในทุกภาคส่วน ทั้งกับผู้คน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ สร้างนิยาม และบุกเบิกธุรกิจใหม่ทั้งในรูปแบบ สินค้าบริการ และแพลตฟอร์ม ส่งเสริมให้เกิดโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มีส่วนร่วมในการฟื้นฟู และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นหลังสืบต่อไป

นางชฎาทิพ ย้ำว่า กลยุทธ์ “Above the Ocean”  ในแบบสยามพิวรรธน์ จะช่วยสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนกับทุกภาคส่วน ทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกสู่สังคมชุมชน สิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำประเทศไทยสู่ความยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

สยามพิวรรธน์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo