CEO INSIGHT

ไขทางรอด ‘วิกฤติโลกรวน’ ไปกับ ‘ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง’

เผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่รอดได้อย่างไร ในภาวะวิกฤติโลกรวน ร่วมหาคำตอบกับ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC

100 วินาทีก่อนเที่ยงคืน 100 วินาทีก่อนสูญสิ้นมนุษยชาติ 100 วินาทีก่อนทุกสรรพสิ่งที่เราสร้างมาจะล่มสลายหายไป 

“นาฬิกาวันสิ้นโลก” หรือ Doomsday Clock เป็นสิ่งบ่งบอกช่วงเวลา ก่อนที่จะถึงจุดจบของมนุษยชาติ ถึงแม้บางช่วงเวลาที่เข็มจะขยับเข้าใกล้ขึ้น และบางช่วงเวลาจะถูกขยับออกไป แต่ถ้ามองจากตัวเลขในปัจจุบัน หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า มนุษยชาติยังคงอยู่ในช่วงวิกฤตอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้จะเป็นตัวเลขเชิงสัญลักษณ์ และเหตุการณ์ส่วนมากในอดีต มาจากประเด็นเรื่องสงครามและการเมือง แต่เราก็ต้องยอมรับตามตรงว่า วันนี้ ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นอีกปัญหาสำคัญ ที่ทำให้เข็มนาฬิกาขยับเข้าใกล้ห้วงเวลาอวสานมากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนถ้าเรายังไม่ทำอะไร เข็มนาฬิกาคงขยับถึงจุดสุดท้ายเข้าสักวัน

kong

คำถามคือ แล้วเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่รอดได้อย่างไรในภาวะวิกฤติดังกล่าว

นับเป็นโอกาสอันดี ที่ได้ร่วมพูดคุยกับ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวทางต่าง ๆ ที่องค์กรอย่าง GC พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการมีส่วนร่วม ในการลดปัญหาและวิกฤติในครั้งนี้

ในช่วงแรก เราพูดคุยกันเรื่องของโลกใบใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ ซึ่ง ดร.คงกระพัน มีมุมมองต่อเรื่องนี้ว่า หากมองตามความเป็นจริงแล้ว การกำเนิดของโลกและมนุษย์นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เพราะต้องเกิดจากความลงตัวในหลากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของ อุณหภูมิ แสงสว่าง สภาวะ กัมมันตภาพรังสี สภาพทางเคมี แรงโน้มถ่วง และอื่นๆ

แน่นอนว่า เป็นความลงตัวทางธรรมชาติที่น่าประทับใจ แต่หากมองปัจจุบัน มนุษย์ในฐานะผลลัพธ์จากความสวยงาม และความเป็นไปได้อันน้อยนิด กำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งในเรื่องของภาวะโลกร้อน และภาวะโลกรวน ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็มาจากตัวมนุษย์นี่เอง

“มนุษย์เราได้รับโอกาสที่จะมีวิวัฒนาการ โอกาสที่จะพัฒนาเผ่าพันธุ์ เป็นพี่คนโตของโลก มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีความรู้สึกนึกคิด สามารถฝันได้ สามารถทำในสิ่งที่ดี ๆ ออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปวัฒนธรรม อารยธรรม และเทคโนโลยีต่าง ๆ”

“เราจะมองว่าเป็นโชค มองว่าเป็นอุบัติเหตุ มองว่าเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่เราควรจะคิดว่า เราจะใช้โอกาสอันนี้ให้ดีที่สุดได้อย่างไร เรามีทางเลือก ที่จะเป็นผู้ดูแล และรักษาโลกนี้ หรือเราจะเลือกที่จะทำลายมันก็ได้”

ดร.คงกระพัน บอกด้วยว่า ในวันที่โลกเจริญก้าวหน้าไปไกล คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มนุษย์ก็นำทรัพยากรมาใช้อย่างมหาศาลเช่นกัน คงไม่กลับไปอยู่ยุคหิน ยังต้องดำรงชีวิตต่อไปในฐานะสัตว์ผู้ทรงภูมิปัญญา แต่จะสะดวกสบาย และจะก้าวหน้าต่อไปได้อย่างไร โดยที่จะไม่ทำร้ายโลก นั่นอาจเป็นหลักสำคัญที่สุด

การแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อนต้องแก้ด้วยความเข้าใจ ต้องเข้าใจจริง ๆ ว่า ทำไปทำไม ถ้าแก้ได้ ก็จะช่วยพืชช่วยสัตว์ได้หลายหมื่นหลายพันสปีชีส์ ถ้าแก้ไม่ได้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็อยู่ไม่ได้ น้ำอาจท่วมโลก อุณหภูมิจะร้อนขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่า ต้องแก้เรื่องนี้ให้สำเร็จเพื่อความอยู่รอดของเรา

AW GC Screen 16 9 Create Lowres

GC เดินหน้าแก้ปัญหาโลกร้อน มุ่งสู่ความยั่งยืน

ในฐานะ หัวเรือใหญ่ขององค์กรชั้นนำผู้ผลิตเคมีภัณฑ์อย่าง GC ดร.คงกระพัน ได้เล่าให้ฟังถึงแนวทางที่องค์กรกำลังก้าวไป เพราะ GC เองก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับต้นๆ

“GC เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องนี้ เรามองเรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ เรามองว่ามันเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะมีส่วนในการผลักดัน แล้วก็ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน เราแก้ที่ผลิตภัณฑ์ และแก้ที่วิธีการ ทำอย่างไรที่จะสามารถทำผลิตภัณฑ์ที่ดี ตอบโจทย์ความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตทั้งในวันนี้และอนาคต ช่วยให้เราเจริญก้าวหน้า มีความปลอดภัย มากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม”

ดร.คงกระพัน ยังยกตัวอย่างให้ฟังถึงเรื่องของ “ไบโอพลาสติก” เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ เป็นทางเลือกที่มาทดแทนพลาสติกทั่วไปได้ ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เอาไปฝังดินก็กลายเป็นน้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นอาหารของพืช

ถ้าจัดการพลาสติกที่ดีพอ มีผลิตภัณฑ์มาทดแทน ถ้าคนทั้งโลกใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ร่วมกัน บางทีปัญหาการจัดการพลาสติกที่หลายคนกังวลใจ ก็น่าจะทุเลาลงไปได้อีกเยอะ

GC

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ เรื่องของ สารเคลือบผิวประเภทต่าง ๆ ที่ใช้เคลือบรถยนต์ เคลือบกังหันลม เรือเดินสมุทร เครื่องบิน อาคาร เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สวยงาม ลดการสึกกร่อน ลดแรงเสียดทาน ช่วยดูแลผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจำวัน

แต่กระบวนการการทำเคลือบผิวส่วนหนึ่ง ก็ส่งผลเสียกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีสารระเหย แต่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็จะช่วยให้สร้างสารเคลือบได้โดยไม่ปล่อยสารเหล่านี้ ก็จะได้ใช้ประโยชน์ โดยที่ไม่ต้องทำลายสิ่งแวดล้อม

สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ที่หลายคนอาจจะลืมไป และ GC เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปลายทาง หรือผลลัพธ์เท่านั้น กระบวนการผลิต ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ GC ให้ความใส่ใจ เพราะถ้าหากกระบวนการที่ให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์นั้นไม่ดีพอ ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถึงผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหนมั ก็ไม่มีประโยชน์ใช่ไหม

 

GC

โรงงานต่าง ๆ ของ GC ก็จะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา เรื่องดิจิทัล เรื่องการใช้พลังงานสะอาด เพื่อให้กระบวนการผลิตปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

“อีกเรื่องหนึ่งก็คือเราเลียนแบบธรรมชาติ หากเรามองจากการที่พืชเป็นกลไกที่ดึงคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกจากอากาศได้ดีที่สุด เราจึงทำกระบวนการที่เรียกว่า CARBON CAPTURE เป็นการดึงเอาตัวคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ ลงไปฝังดินเป็นสภาพของแข็ง และของเหลว เป็นกระบวนการที่เราจะลดก๊าซเรือนกระจกลงมาได้ ทั้งหมดที่เราทำจะสอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ซึ่งในปี 2593 เราตั้งเป้าหมายว่า จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์”

GC มีแนวทางลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ขับเคลื่อนด้วย 3 เสาหลัก สู่เป้าหมาย Net Zero

1. EFFICIENCY-DRIVEN เป็นแนวทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงาน ลดการปล่อยของเสียของกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดในปัจจุบัน

2. PORTFOLIO-DRIVEN การปรับโครงสร้างธุรกิจในระยะยาว สู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ นำ Circular Economy Concept มาใช้กับการดำเนินธุรกิจโดยยังคงรักษาการเติบโตขององค์กร

3. COMPENSATION-DRIVEN ประยุกต์ การดูดซับคาร์บอนด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีและทางธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย Net zero

GC Group

ทั้งสามเสา ต่างเป็นแนวทางในการดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในปี 2593 ตามที่ตั้งไว้ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ทางองค์กรจะพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากที่สุด ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และไม่ใช่แค่ลด แต่ต้องดูดซับคาร์บอนที่มีอยู่อีกด้วย

เรื่องที่ทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน

แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของแค่ GC ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคุณ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของผม แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องของเราทุกคน

“องค์กรใหญ่ องค์กรเล็ก คนจะมีกำลังมาก กำลังน้อยก็ต้องช่วยกัน ช่วยคนที่เรารัก ช่วยเผ่าพันธุ์เรา อย่าง GC เอง อาจจะฟังดูเหมือนองค์กรใหญ่ ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทำ CARBON CAPTURE แต่ว่าจริง ๆ แล้ว ถ้าเทียบกับสเกลของทั้งโลก GC ก็ยังเล็ก ทุกคนช่วยกันได้”

“ท่านที่อยู่บ้านก็สามารถทำการกำจัดขยะให้ถูกต้อง การรีไซเคิล การช่วยแยกขยะต่าง ๆ นี่ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง องค์กรใหญ่ก็ต้องมาช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  ต้องตั้งเป้า ปีไหนทำได้ แล้วก็ทำให้มันเป็นศูนย์ ถ้าเราช่วย ๆ กันทำสิ่งเหล่านี้ โลกนี้ก็จะเป็นที่ที่เราอยู่ได้ต่อไป”

สุดท้ายนี้ ถ้าจะสรุปให้ง่าย เรื่องราวก็คงเป็นแบบที่ ดร.คงกระพัน ระบุไว้ “โลกอยู่ได้ เราก็อยู่ได้” และการที่โลกจะอยู่ได้ก็ต้องเริ่มจาก “มนุษย์” อย่างพวกเรา

เพราะฉะนั้นถ้าจะถามว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่รอดได้อย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ คำตอบอาจจะไม่ยืดยาว แต่ก็ไม่ง่ายดาย แค่มนุษย์ทุกคน รวมถึงทุกองค์กร และทุกภาคส่วน จำเป็นต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง

#HeroToZero
#TogetherToNetZero
#GCChemistryForBetterLiving

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo