กลุ่ม ปตท. ลงทุน 5 ปี 9.44 แสนล้านบาท เฉพาะ ปตท.และบริษัทในเครือกว่า 1 แสนล้าน มุ่งเพิ่มโอกาสธุรกิจใหม่สร้างกำไร เล็งเดินหน้าสร้างโรงงานรถอีวีปี 2567 จับตาสงครามทำน้ำมันดิบพุ่งแตะ 100 เหรียญ/บาร์เรล
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท. ในช่วง 5 ปี (ปี 2565-2569) ว่า เตรียมงบลงทุนรวม 9.44 แสนล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจเดิมและมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ
สัดส่วนกลุ่ม ปตท. ลงทุน 9.44 แสนล้าน
1. การลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น สัดส่วน 54% ได้แก่
- สร้างความต่อเนื่องของการจัดการก๊าซฯ จากโครงการเอราวัณและบงกช
- โครงการสำรวจปิโตรเลียม SK4108 ประเทศมาเลเซีย
- โครงการลงทุน LNG ในโมซัมบริก
- โครงการ Algeria HBR
- โครงการลงทุนในเวียดนาม เซาท์เวสต์
2. การลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย สัดส่วน 31% อาทิ
- บริษัท GC เข้าซื้อกลุ่ม Allnex
- บริษัท TOP เดินหน้าโครงการพลังงานสะอาด (CFP)
- บริษัท OR ขยายการลงทุนในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ทั้งในและต่างประเทศ
- บริษัท IRPC ลงทุนโครงการ Ultra Clean Fuel Project สร้างหน่วยกำจัดซัลเฟอร์ ปรับปรุงคุณภาพดีเซลเป็นมาตรฐาน ยูโร 5 และเพิ่มกำลังการผลิต CDU2
3. ธุรกิจที่ ปตท. ดำเนินการเอง ได้แก่
- โครงการลงทุนใน LNG Regasfication Terminal แห่งที่ 2
- โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 5
- โรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 7 และ 8
- โครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้
4. ธุรกิจไฟฟ้า ได้แก่
- โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (แสงอาทิตย์/ลม)
- แผนการลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ หากแยกเฉพาะการลงทุนของบริษัท ปตท.และบริษัทในเครือ ในช่วง 5 ปีจะใช้งบลงทุน 1.02 แสนล้านบาท แบ่งเป็น
- ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 45,511 ล้านบาท หรือ 45%
- ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 20,547 ล้านบาท หรือ 20%
- ธุรกิจสถานีรับจ่าย ศ์ฌ 17,930 ล้านบาท หรือ 17%
- ธุรกิจในประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน 16,443 ล้านบาท หรือ 16%
- ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและอื่น ๆ 1,734 ล้านบาท หรือ 2%
สำหรับการลงทุนของกลุ่ม ปตท. ดำเนินการตามกรอบวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต โดยจะมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า และรุกธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ
การลงทุนในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน จะมี บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นแกนหลัก ด้วยเป้าหมาย 12 กิกะวัตต์ ในปี 2573
ในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า ได้จัดตั้ง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด เดินหน้าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (EV Value Chain) โดยร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์ ตั้ง บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด ทุนจดทะเบียน 3,200 ล้านบาท เพื่อศึกษาสร้างฐานการผลิต EV ในไทย
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 กำลังการผลิตเฟสแรก 50,000 คัน ลงทุนประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ จากนั้นจะขยายเฟสสอง เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.5 แสนคันในปี 2575
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด เพื่อเป็น หลักขับเคลื่อนการลงทุนด้านแบตเตอรี่ของกลุ่ม ปตท. โดยร่วมทุนกับ GPSC ในการสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในห่วงโซ่ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ส่งเสริม และสร้างระบบนิเวศธุรกิจให้เกิดการใช้ EV อย่างแพร่หลายในประเทศ อาทิ บริการให้เช่ารถ EV บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานีซ่อมบำรุง EV เป็นต้น
รุกธุรกิจใหม่ศักยภาพสูง สร้างกำไร
กลุ่ม ปตท. ลงทุนขยายธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางโลก ด้วยการเข้าสู่ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต โดยมี บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา อินโนบิก ได้ร่วมนำเข้าและบริจาคยาเรมเดซิเวียร์ 12,000 ขวด และยาฟาวิพิราเวียร์ 1.2 ล้านเม็ด ให้กับประเทศเพื่อดูแลประชาชน
กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business) ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจน้ำมันและเสริมสร้างธุรกิจไลฟ์สไตล์ ตลอดจนการเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล
นายอรรถพล กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียว่า การเกิดสงคราม จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแน่นอน โดยประเมินว่า หากสงครามยืดเยื้อ มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะขึ้นไปแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ย่อมทำให้ต้นทุนการซื้อน้ำมันของโรงกลั่นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ตามมาด้วยการปรับราคาขายปลีก ซึ่งจะทำให้รายได้จากการจำหน่ายน้ำมันสูงขึ้น แต่มีผลกับกำไรน้อยมา เพราะปัจจุบันกำไรจากธุรกิจน้ำมันน้อยมากหรือประมาณ 2% เท่านั้น
ดั้งนั้น จึงมองว่าในสถานการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ควรรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำมัน เพื่อไม่ให้กระทบกับรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ขณะที่ราคาก๊าซมองว่าปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้วเช่นกัน เนื่องจากราคาขึ้นลงตามราคาน้ำมัน
ด้านผลประกอบการในปี 2564 ที่ผ่านมา ปตท.มีรายได้รวม 2,258,818 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 108,363 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือ 69% ธุรกิจ ปตท. 31% และธุรกิจน้ำมัน 8%
จากแผนการขยายไปหาธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีจากนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้สัดส่วนทำกำไรเปลี่ยนไป โดยคาดว่า รายได้จากธุรกิจใหม่ จะเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันไม่ถึง 5% ขณะที่ธุรกิจเดิมอยู่ที่ 70%
รูปแบบการใช้พลังงานเปลี่ยนไป เราต้องตามให่้ทัน ควบคู่การขยายลงทุน เพื่อสนับสนุนเอสเคิร์ฟของประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็คเงินปันผล หุ้นกลุ่ม ปตท. – ราคาเป้าหมายปี 65
- กลุ่ม ปตท. นำกำไรปี 64 ส่งรัฐกว่า 8 หมื่นล้าน-เดินหน้ากิจการเพื่อสังคมทุกมิติต่อเนื่อง
- วิสัยทัศน์ 2030 ‘โออาร์’ กำงบลงทุน 2 แสนล้าน มุ่งกำไรพุ่งแตะ 4 หมื่นล้านบาท
