CEO INSIGHT

‘วิชา พูลวรลักษณ์’ ธุรกิจโรงแรมคือความสุข

สิ้นปี 2561 ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเครือ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์”  ภายใต้การบริหารของ “วิชา พูลวรลักษณ์” จะมีสาขาโรงหนัง 160 สาขา จำนวน 771  โรง (สกรีน) รวม 176,435 ที่นั่ง ในจำนวนนี้มีสาขาต่างประเทศประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชาและลาว 37 โรง กว่า 8,030 ที่นั่ง

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ถือเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ มียอดขายตั๋วหนังปีนี้อยู่ที่ราว 32 ล้านใบ รายได้รวมธุรกิจอื่นๆ ปีนี้แตะ 10,000 ล้านบาท และยังมองโอกาสเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10-15%  ด้วยเป้าหมายปี 2020 เปิดโรงหนังครบ 1,000 โรง และยังมีโอกาสไปต่อ 2,000 โรง

ด้วยอัตราทำกำไรปีละกว่า 1,000 ล้านบาท มาอย่างต่อเนื่อง ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นับจากเปิดตัวโรงภาพยนตร์ มัลติเพล็กซ์ สาขาแรก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า ในปี 2538

วิชา พูลวรลักษณ์ เมเจอร์
วิชา พูลวรลักษณ์

วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)  เล่าว่านับตั้งแต่เรียนจบปริญญาโท จากสหรัฐ  ในวัย 23  ปี และแต่งงานเมื่ออายุ 29 ปี  ด้วยความที่เกิดมาในครอบครัวนักธุรกิจโรงภาพยนตร์ แต่เขามีแรงบันดาลใจที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต  โดยเลือกที่จะยืนอยู่บนขาของตัวเอง จึงเริ่มต้นธุรกิจแรกด้วยลงทุนโครงการบ้านสรร “เอ็กซ์คลูซีพ 39” ย่านสุขาภิบาล 3 ต้องกู้เงินธนาคารกว่า 100 ล้านบาท แต่โชคดีที่โครงการแรกทำ “กำไร”

แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นดีเอ็นเอ “นักสร้าง” (Inventor) ของ “วิชา” กับนวัตกรรมโรงภาพยนตร์รูปแบบมัลติเพล็กซ์ แห่งแรกในประเทศไทย “เมเจอร์ ซีพีเพล็กซ์” ปิ่นเกล้าในปี 2538 ที่ครั้งนี้  “วิชา” กลับมาเดินในเส้นทางธุรกิจโรงภาพยนตร์ของตระกูลพูลวรลักษณ์  และสร้างอาณาจักร “เมเจอร์ ซีพีเพล็กซ์” เติบโตต่อเนื่องตลอด 23 ปีที่ผ่านมา

IMG 20181117 113128 e1543773765530

ธุรกิจโรงแรมคือ “ความสุข”

นอกจากธุรกิจโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ฯ  “วิชา” ได้ใช้เงินลงทุน “ส่วนตัว”  กับธุรกิจโรงแรมเมื่อ 8-9 ปีก่อน ปัจจุบันเปิดดำเนินการอยู่ 2 แห่ง คือ VIE Hotel  ราชเทวี  และ  V Gallery หัวหิน (V Villas) ภายใต้การบริหารของแอคคอร์

วิชา บอกว่าโรงแรมเป็นธุรกิจที่กำไรน้อย ใช้ระยะเวลานานในการคืนทุน  แต่เป็น “ธุรกิจความสุข”  เพราะเป็นสิ่งที่อยากทำและทำแล้วมีความสุข

“ผมมีความสุขที่จะเป็น นักสร้าง (Inventor) ผมชอบสร้างโรงหนัง เริ่มตั้งแต่ยุคโรงหนังมัลติเพล็กซ์ สแตนด์อะโลน สาขาแรก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า เมื่อ 23 ปีก่อน  ชอบทำอะไรใหม่ๆ โรงแรมเป็นอีกธุรกิจของนักสร้าง เช่นกัน”

ความสนใจในธุรกิจโรงแรมมาจากการเดินทางทั้งเชิงธุรกิจและท่องเที่ยว ก็จะเห็นโรงแรมทั้งของเก่าและสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้อยากสร้างโรงแรมในสิ่งที่ชอบและอยากทำ  นอกจาก วี แกลเลอรี่ หัวหิน  และ วี โฮเทล ราชเทวี แล้ว  ปัจจุบันกำลังเตรียมก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ที่  ภูเก็ต คาดเปิดให้บริการปี 2020  และเพิ่งปิดดีลซื้อโรงแรมที่ มัลดีฟส์ 1 แห่ง เริ่มเข้าไปดำเนินการตั้งแต่ปลายปีนี้ เพราะเป็นโรงแรมที่เปิดบริการอยู่แล้ว

ธุรกิจโรงแรมทั้งหมดเป็นการลงทุนส่วนตัว แต่ละแห่งลงทุนไม่มากเกินไปอยู่ที่หลัก 1,000-2,000 ล้านบาท  และทั้งหมดใช้เชนโรงแรมบริหาร เขาเพียงทำหน้าที่หาทำเลที่ชอบและลงทุน

วี วิลล่า วี แกลเลอรี่ หัวหิน

เน้นโซน “ชายทะเล”วางตำแหน่ง “ไฮเอนด์”

การลงทุนโรงแรมนอกกรุงเทพฯ ทั้งหมด จะเป็นกลุ่ม “ลักชัวรี คอลเลคชั่น”  เน้นทำเลหาดทราย ชายทะเล  เพราะสามารถทำตลาดได้ทุกกลุ่ม  สำหรับโรงแรมต่างจังหวัดแห่งแรก ทำเล หัวหิน เริ่มต้นเมื่อ 9 ปีก่อน ด้วยรูปแบบ “พูล วิลล่า” ทั้งหมด  บนพื้นที่ 8 ไร่  จำนวน 13 วิลล่า  แต่ละวิลล่ามี  2-3 ห้องนอน  และเมื่อ 2 ปีก่อนซื้อที่ดินติดกันอีก 3 ไร่ ขยายเพิ่มอีก  10 วิลล่า  และปี 2560 สร้างเพิ่มอีก 5 วิลล่า  รวมเป็น 28 วิลล่า รวม 50 ห้อง  บนพื้นที่  14-15 ไร่

โรงแรมที่หัวหิน วางตำแหน่งเป็นพรีเมียมในย่านนี้ ราคาต่อห้องสูงสุดช่วงไฮซีซัน 3 หมื่นบาทต่อวิลล่าต่อคืน  หรือราคาเฉลี่ยทั้งปี  2 หมื่นบาทต่อวิลล่าต่อคืน ขณะที่โรงแรมในหัวหินเฉลี่ยสูงสุด 5,000-6,000 บาทต่อคืน  จากเดิมลูกค้าหลักเป็นคนไทย 70-80%  แต่ปัจจุบันคนไทยเหลืออยู่ราว 30-40%  ที่เหลือเป็นต่างชาติจากยุโรป สหรัฐ และเอเชีย จีน ไฮเอนด์

ปัจจุบันทำเลหลักเมืองท่องเที่ยวจะมีการลงทุนโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่อง หากเป็นโรงแรมที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เมื่อซัพพลายมีมากขึ้น ก็ต้องแข่งขันกันเรื่องราคา ทำให้ราคาเฉลี่ยต่อห้องพักของโรงแรมในประเทศไทยอยู่ในอัตราไม่สูง เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ที่ธุรกิจโรงแรมทำกำไรได้ดี เพราะมีการควบคุมปริมาณให้เหมาะสม

แต่หากวางตำแหน่งโรงแรมได้ชัดเจนและโปรดักท์มีความแตกต่าง  เจาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อ จะไม่ต้องลงไปแข่งขันราคา เห็นได้ว่าโรงแรมหัวหินอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70%

สำหรับโรงแรมที่ภูเก็ต อยู่ที่อ่าวยน พื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นรูปแบบพูล วิลล่า ทั้งหมดเช่นกัน ประมาณ 20-25 วิลล่า ใกล้เคียงกับที่หัวหิน  ราคาน่าจะสูงกว่าที่หัวหินราว 30%   ขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดบริการปี 2020  เน้นทำตลาดลักชัวรี ในยุโรป

วี วิลล่า วี แกลเลอรี่ หัวหิน

“การทำธุรกิจโรงแรม หัวใจสำคัญต้องชัดเจนว่าทำตลาดลูกค้ากลุ่มใด จะเห็นได้ว่าโรงแรมทั้งที่หัวหินและภูเก็ต วางตำแหน่งเป็นพูล วิลล่า ไม่มีโปรดักท์อื่นผสม จับกลุ่มต่างชาติไฮเอนด์  เพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มเดียว มีบัตเลอร์ส่วนตัวทุกวิลล่า การทำธุรกิจต้องชัดเจนว่า ทั้งเรื่องโปรดักท์และกลุ่มเป้าหมาย”

ซื้อโรงแรมมัลดีฟส์

ส่วนที่ มัลดีฟส์ เป็นการเข้าไปซื้อธุรกิจโรงแรมใหม่ ที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว จำนวน 39 ห้อง ปัจจุบันทำสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้วและเริ่มเข้าไปดำเนินธุรกิจแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อโรงแรมที่มัลดีฟส์ ได้เดินทางไปมัลดีฟส์บ่อยครั้ง เพราะตั้งใจไปลงทุนโรงแรม เคยไปดูและพักโรงแรมอยู่หลายแห่ง ก่อนตัดสินใจซื้อโรงแรมล่าสุด เพราะรู้สึกชอบ

“โรงแรมมัลดีฟส์ ที่เข้าไปซื้อ ได้รับรางวัล The most romantic ของมัลดีฟส์ เป็นโรงแรมที่ tripadvisor ให้เรตติ้งสูงมาก  ความโดดเด่นคือ  เป็นจุดดำน้ำดูปะการังสวยงาม  เรียกว่ายังเป็นมัลดีฟส์ดั้งเดิม”

โดยเจ้าของเดิมเป็นคนสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้เวลาเจรจากว่า 1 ปี ถือเป็นโรงแรมที่ออกแบบและสร้างไว้สวยงาม เป็นที่รู้จักในตลาดยุโรปและมีแฟนคลับอยู่จำนวนมากสามารถทำตลาดต่อไปทันที  กลุ่มหลักคือนักท่องเที่ยวยุโรป ที่มาพักเฉลี่ย 8-15 วัน

“การเข้าไปลงทุนโรงแรมที่มัลดีฟส์ เพราะเป็นหนึ่งใน World Destination ที่ดีที่สุดในโลก ซูเปอร์สตาร์ทั่วโลกต่างนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวที่มัลดีฟส์”

ปัจจุบันตลาดมัลดีฟส์ แบ่งเป็นตลาดกลุ่มๆ มีทั้งไฮเอนด์  กลุ่มคอมเมอร์เชียล กลุ่มแมส  โดยมัลดีฟส์ กำลังขยายสนามบินใหม่ รองรับผู้โดยสารได้ 7 ล้านคน จากเดิม 1.7 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2562  นอกจากนี้ได้สร้างสะพานเชื่อมจีน-มัลดีฟส์ เรียบร้อยแล้ว ทำให้ มีการเข้าไปลงทุนในมัลดีฟส์จำนวนมาก โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายหลัก

แต่การเข้าไปลงทุนโรงแรมที่มัลดีฟส์  วิชา มองตลาดที่แตกต่างออกไป โดยยังคงโฟกัสที่ตำแหน่ง “ไฮเอนด์” เช่นเดิม เน้นความเป็นยูนีค เพื่อหนีการแข่งขันในตลาดแมส  โดยราคาห้องพักอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์ต่อคืน

วี วิลล่า วี แกลเลอรี่ หัวหิน

วิชา บอกว่าเขายังมีความฝัน จากการเป็น “นักสร้าง” อีกหลายเรื่อง แต่เลือกสร้างและลงทุนในสิ่งที่ไม่เกินตัว เพราะแทนที่จะสร้างโรงแรม 300 ห้อง ก็เลือกสร้างโรงแรมที่แตกต่างรูปแบบ พูล วิลล่า 30-40 ห้องเท่านั้น ต่อแห่งลงทุนไม่เกิน 1,000-2,000 ล้านบาท โรงแรมแต่ละแห่งจะให้เซอร์วิสแบบไฮเอนด์ ของใช้ในห้องน้ำต้องเป็นแบรนด์ Hermes  ห้องพัก ห้องน้ำ สระน้ำขนาดใหญ่ เพราะต้องการทำให้คนที่มาพักผ่อน รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน  แต่ละห้องพักจึงใช้เงินลงทุนสูง  ธุรกิจโรงแรมจึงเป็นการลงทุน “ส่วนตัว” เพราะหากทำเชิงธุรกิจที่มีหุ้นส่วน อาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในโลกนี้ ถือว่ามีขนาดใหญ่และโอกาสอีกมาก แต่โรงแรมต้องวางตำแหน่งให้ชัดเจน และจับกลุ่มเป้าหมายให้ได้และการตลาดต้องแม่นยำ

การบริหารโรงแรมและโรงหนังที่จริงแล้วไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นเรื่อง Innovation  คือการสร้างโรงแรมให้มีจุดขาย  เป็นเรื่องการออกแบบ สถาปนิก การดีไซน์  เช่นเดียวกับโรงหนังที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าว เพราะต้องสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้บริการ

หลังจากลงทุนโรงแรมเพิ่มอีก 2 ทำเล ที่ภูเก็ตและมัลดีฟส์  วิชา บอกว่ายังมี Passion ในการสร้างโรงแรมทำเลใหม่ๆ  แต่ไม่ต้องรีบลงทุน เพียงแต่ต้องมองหาทำเลที่ดี หากเจอโลเคชั่นที่ชอบ ก็ยังมีความสุขและ Passion ที่จะลงทุนต่อไปอีก เพราะยังมีอีกหลายสถานที่ที่อยากทำโรงแรม เน้นทะเลเป็นหลัก เพราะมีช่วงเวลาที่คนเดินทางมาพักได้มากกว่าโลเคชั่นอื่น โดยยังคงมีความสุขกับการเป็น “นักสร้าง” สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

Avatar photo