ซีอีโอแอปเปิ้ล “ทิม คุก” ออกมากล่าวปกป้องประวัติการจ้างงานของบริษัทในสหรัฐ พร้อมปฏิเสธเสียงวิจารณ์ที่ว่า บริษัทเลือกที่จะเอาท์ซอร์สจากจีนมากเกินไป ซึ่งเป็นประเด็นที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำอเมริกันมักจะหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงเสมอ
“เราสร้างงานมากกว่า 2 ล้านตำแหน่งในสหรัฐ กระจกหน้าจอไอโฟน ก็ผลิตมาจากคอร์นนิง ในเคนทักกี เซมิคอนดักเตอร์หลายตัวที่ใช้ในไอโฟน ก็ผลิตในสหรัฐ มีการผลิตมหาศาลเกิดขึ้นในสหรัฐ เพียงแค่ไม่ใช่การประกอบเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายออกมาเท่านั้น”
คุกให้สัมภาษณ์กับนิกเคอิ เอเชียน รีวิว ระหว่างการเดินทางเยือนร้านแอปเปิ้ล สโตร์ในญี่ปุ่น และลงนามข้อตกลงจัดหากับ ไซโก แอดวานซ์ และยังได้พบปะกับนักพัฒนาเทคโนโลยีจำนวนหนึ่ง รวมถึง มาซาโกะ วากามิยะ วัย 84 ปี ผู้ที่เรียนรู้การเขียนแอปพลิเคชันด้วยตัวเอง
ผู้บริหารสูงสุดของแอปเปิ้ล บอกด้วยว่า วิธีการผลิตของบริษัทเขานั้น คือ การมองไปยังทุกประเทศ และหาดูว่าประชากรในประเทศนั้นๆ มีทักษะอะไร และก็เลือกที่ดีที่สุดขึ้นมา
สำหรับไซโก แอดวานซ์ นั้น คุกบอกว่า บริษัทนี้คือเหตุผลที่ทำให้แอปเปิ้ลสามารถใส่สีต่างๆ ให้กับไอโฟน
“เราทำงานร่วมกับพวกเขามานานหลายปี และเราเติบโตไปด้วยกัน ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน เราช่วยกันผลักดันแต่ละฝ่าย เพื่อให้เกิดนวัตกรรมมากขึ้น”
เขายังแสดงความเชื่อมั่นถึงความสามารถของแอปเปิ้ล ที่ปัจจุบันเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐ และของโลก ที่จะยังพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงการพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ในเวลาเพียงแค่นาทีเดียว และไม่มีความสำคัญอะไร ทั้งยังปฏิเสธถึงแนวคิดที่ว่า ตลาดสมาร์ทโฟนทะยานขึ้นมาแตะระดับสูงสุดไปแล้ว
“ผมไม่รู้จักใครที่จะมาบอกว่าเวลา 12 ปี เป็นการเติบโตเต็มที่แล้ว บางครั้งขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ก็ยิ่งใหญ่มาก มากครั้งก็เป็นแค่ก้าวเล็กๆ แต่ประเด็นสำคัญคือ จะต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมเสมอ ไม่ใช้แค่เปลี่ยน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น”
แม้จะมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า แอปเปิ้ลขอให้ซัพพลายเออร์เพิ่มการผลิตไอโฟน11 อีก 8 ล้านเครื่อง หลังมีความต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้มากเกิดความคาดหมายทั่วโลก แต่คุกกลับต้องการให้ที่สร้างตำนานของเขาที่แอปเปิ้ล ในเรื่องของบริการดูแลสุขภาพ ผ่านเครื่องมือต่างๆ อาทิ แอปเปิ้ล วอทช์
“ถ้าคุณถามผมว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่แอปเปิ้่ลจะทำให้มนุษยชาติได้คืออะไร คำตอบก็คือ เรื่องของการดูแลสุขภาพ”
“ในแต่ละปีมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้ารับการตรวจคลื่นหัวใจ เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรโลกด้วยรวม แต่ตอนนี้ มันมาอยู่ที่ข้อมือคุณแล้ว” คุกกล่าว โดยเขาหมายความถึงเทคโนโลยีตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ฝังอยู่ในแอปเปิ้่ล วอทช์ รุ่นที่มีวางจำหน่ายในสหรัฐ ยุโรป และฮ่องกง ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
เขาบอกด้วยว่า แอปเปิ้ลคุ้นเคยกับการแข่งขันดี พร้อมกล่าวติดตลกว่า “เราอาจจะมีคู่แข่งมากกว่าทุกบริษัทบนโลกนี้” ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยเหลือบริษัทได้ในการเข้าสู่ภาคธุรกิจดูแลสุขภาพ
ปัจจุบัน คู่แข่งรายใหญ่สุดของแอปเปิ้ลในตลาดสมาร์ทโฟน คือ หัวเว่ย และ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ทั้ง “แมคบุ๊ค” ของบริษัทก็ยังต้องดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อครองส่วนแบ่งในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และ แอปเปิ้ล ทีวี พลัส ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เป็นธุรกิจที่อยู่ในตลาดวิดีโอสตรีมมิง ที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว
กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบในสหรัฐ และสหภาพยุโรป กลับมีแนวคิดที่แตกต่างออกไป โดยแอปเปิ้ลต้องเจอกับการร้องเรียนจำนวนมาก ถึงวิธีการที่ “แอปสโตร์” แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อจัดจำหน่ายแอปพลิเคชันให้กับระบบปฏิบัติการไอโอเอส ปฏิบัติต่อผู้จัดหาแอปพลิเคชันคนนอก ที่แข่งขันกับบริการของบริษัท
“การผูกขาดในตัวเอง ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถ้าไม่ได้เป็นการล่วงละเมิด” คุกกล่าว พร้อมยืนยันว่า แอปเปิ้ลไม่ได้ผูกขาดในภาคธุรกิจใดๆ ทั้งนั้น
“คำถามสำหรับบริษัทเหล่านั้นก็คือ พวกเขาล่วงละเมิดอะไรหรือเปล่า และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบต้องตัดสินใจ ไม่ใช่ผม”
คุกยังแสดงความไม่พอใจที่ แอปเปิ้ลถูกนำไปรวมเข้ากับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่คุกได้กันตัวเอง และแอปเปิ้ลออกจากเรื่องนี้ ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐออกกฎหมายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเมื่อเดือนที่แล้ว
“พวกคุณไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเข้าใจกันชัดเจนมาก เราไม่เชื่อในเรื่องของการขโมยข้อมูลพวกคุณ”