การปรับโครงสร้างธุรกิจในปี 2557 ตลอดจนการขยายเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสิงห์ ตามที่ได้กล่าวถึงในตอนก่อนหน้า สิงห์มีเป้าหมายเดียวคือ เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการสำรวจคำสัมภาษณ์ผู้บริหารสิงห์ในสื่อระหว่างปี 2557-2559 พบว่า ในเชิงยุทธศาสตร์ สันติ ภิรมย์ภักดี ตั้งเป้าขยับองค์กรและผลิตภัณฑ์สิงห์ให้ทะยานขึ้นไปอยู่ระดับโลก
ส่วนเป้าหมายทางการเงิน คือผลักดันรายได้ทั้งกลุ่มจาก 120,000 ล้านบาท ณ ปี 2557 ขึ้นเป็น 250,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี ซึ่งหมายถึงภายในปีนี้ (2562) เพื่อสนองต่อทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ และเป้าหมายรายได้ข้างต้น สันติตั้งเป้าหมายให้ทีมบริหารดันแบรนด์ สิงห์ ให้ขึ้นไปอยู่ในระดับ 1 ใน 3 ของอาเซียน เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายดังกล่าว สิงห์จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ปิติ ภิรมย์ภักดี กรรมการบริหารบริษัทบุญรอด บริวเวอรี เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์บส์ ประเทศไทย ขณะนั้น (ปี 2557)ว่า สิงห์ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากต่างประเทศ 15-20% ต่อปี และเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 8% เป็น 15% หรือสร้างรายได้ประมาณ 10,000 ล้าบาท
ขณะเดียวกัน สิงห์ อสังหาฯ ที่่ถูกวางไว้ว่าต้องสร้างรายได้ให้ได้ 20% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม ล้วนมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ใหม่
หากเปรียบเทียบเป้าหมายระหว่าง สิงห์ กับไทยเบฟ (ช้าง) คู่แข่งโดยธรรมชาติในตลาดเบียร์มูลค่าแสนล้านของไทย ทั้ง 2 ค่าย แทบไม่แตกต่างกัน
ไทยเบฟ ประกาศเป้าหมายไว้ในวิสัยทัศน์ 2020 ว่า “ก้าวขึ้นเป็นบริษัทเครื่องเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดและมีผลกำไรสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ขณะที่สิงห์ตั้งเป้าขึ้นไปสู่ ท็อปทรี (อาเซียน) เป็นต้น หรือไทยเบฟ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากสินค้าในกลุ่มไร้แอลกอฮอล์ สิงห์ก็ตั้งเป้าในทิศทางเดียวกัน และยังเดินด้วยแนวทางคล้ายๆ กัน เช่น การเข้าสู่ธุรกิจกาแฟ
บริษัทในกลุ่มสิงห์ รุกธุรกิจกาแฟด้วยการตั้งบริษัท ดีวีเอส 2014 กิจการร่วมทุนกับบริษัท ดอยช้าง ค็อฟฟี่ ออริจินอล ขึ้นในในปี (2558) บริษัทลูกของเบอร์ลี่ยุคเกอร์ (ในกลุ่มทีซีซี ) ซื้อกิจการดอยวาวี (2561) ล่าสุดกิจการในกลุ่มเอฟแอนด์เอ็น(ในเครือไทยเบฟ) ร่วมทุนซื้อสิทธิ์ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ในไทยในปีนี้ (2562) เป็นต้น
ความต่างระหว่าง “สิงห์” กับ “ไทยเบฟ” เพียงหนึ่งเดียว คือ “กลยุทธ์” สิงห์ใช้วิธีส่งออกจากฐานการผลิตในไทยเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี รวมทั้งจีน ขณะไทยเบฟใช้วิธีรุกเข้าซื้อกิจการในประเทศเป้าหมาย เช่น เข้าลงทุนถือหุ้นใหญ่ประมาณ 53% (2560) ในเบียร์ซาเบโก เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นหนึ่งในอาเซียน
แม้วิธีการต่างแต่สิงห์และไทยเบฟมองเป้าหมายไปที่ดาวดวงเดียวกัน คือ ยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเบียร์อาเซียน โครงสร้างธุรกิจของสิงห์ที่แบ่งเป็น 5 สาขา มาตั้งแต่ปี 2557 โดยมีบริษัทบุญรอด บริวเวอรี ทำหน้าที่เสมือนกิจการแม่ และมีบริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ที่ก่อตั้งในปี 2544 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนธุรกิจในภาพรวม ทำให้ภาพความเป็น “กลุ่มสิงห์” ชัดเจนขึ้น
การขยายตลาดเบียร์สิงห์ในต่างประเทศ ปักธงธุรกิจอสังหาฯ พร้อมกับแผนยกระดับ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหาร คือหลักพื้นฐานของธุรกิจ ถ้าอยากโตต้องขยาย
แน่นอน ขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น ย่อมสัมพันธ์กันกับการสะสมทุนของ “สันติ” และ “ตระกูลภิรมย์ภักดี” ตระกูลผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเบียร์ไทย
- เส้นทางสู่เจ้าแห่งทุน : ‘สันติ ภิรมย์ภักดี’ บทเรียนจากวิกฤติ (1)
- เส้นทางสู่เจ้าแห่งทุน : ‘สันติ ภิรมย์ภักดี’ สิงห์ อสังหาฯ (2)