CEO INSIGHT

‘เสนา’ ยกระดับสร้างที่อยู่อาศัย – จับคนรุ่นใหม่ ‘LivNex เช่าออมบ้าน’ เพื่อเป็นเจ้าของ!

“เสนาดีเวลลอปเม้นท์” ชี้ปัจจัยลบรอบด้าน ส่งผลตลาดอสังหาฯ เชื่อ “ทรัมป์-แผ่นดินไหว” กดดันตลาดระยะสั้น นำแนวคิดพันธมิตรญี่ปุ่น “ฮันคิว ฮันชินฯ”ดึงจุดแข็ง geo fjt+ Mamoru พัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างความเชื่อมั่นที่อยู่อาศัย เดินหน้า “LivNex เช่าออมบ้าน” ช่วยลูกค้าเป็นเจ้าของบ้าน พร้อมโมเดล Subscription Condo  ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทย นับว่าเป็นอีกปัจจัยลบที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจสำหรับภาคธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในเรื่องความเชื่อมั่นของผู้ที่อยู่อาศัยในตลาดคอนโดมิเนียม  เสนาฯ ได้นำโนว์ฮาว พัฒนาเครื่องมือ และกลไกที่จะเข้ามาไปช่วยเหลือลูกบ้านในเคสการแก้ปัญหาต่าง ๆ ยกระดับการให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น รวมถึงปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาด และแนวทางการก่อสร้างสำหรับโครงการที่กำลังจะก่อสร้างใหม่ เพื่อมาพิจารณาการออกแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และยังคงเดินหน้าในการนำนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการเงินให้กับผู้บริโภคให้เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้

นอกจากนี้ เสนาฯ ยังได้นำโนว์ฮาวจากพันธมิตร ที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัย  นับเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดของเสนาฯ ณ เวลานี้ จากการร่วมทุนกับพันธมิตร อย่าง บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ประเทศญี่ปุ่น ที่เข้าใจในแนวทางรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง

เช่าออมบ้าน

อย่างไรก็ตาม พอร์ตทางธุรกิจเสนา มีทั้งแนวสูงและแนวราบ สามารถช่วยในการสนับสนุนการรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจ และไม่กระทบกับรายได้อย่างแน่นอน ควบคู่ไปกับการใช้นวัตกรรมทางการเงิน เพื่อที่อยู่อาศัย ในรูปแบบเช่าออมบ้าน LivNex และ RentNex Subscription มาช่วยสนับสนุนให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายขึ้น แม้ว่าไทยต้องเผชิญ กับมาตรการของ  โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศปรับขึ้นภาษีศุลกากร เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 37% มองว่าอาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ หรือ 2 ปี เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการเจรจาว่าประเทศไทยมีแนวทางในการเจรจากับสหรัฐอเมริกามากน้อยเพียงใด หากการเจรจาไม่ได้ข้อยุติประเทศไทยก็ต้องพบกับกำแพงภาษีดังกล่าว

จับตาผู้ประกอบการเริ่มปรับพอร์ตธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ประกอบการบางรายเริ่มขายที่ดิน ให้กับดีเวลลอปเปอร์รายอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาอะไรบางอย่าง และเชื่อว่าจะเห็นภาพอย่างนี้มากขึ้น อาจเริ่มเห็นผู้ประกอบการบางราย เริ่มปรับพอร์ตธุรกิจที่ไม่ได้เป็นตลาดผู้ซื้อเพียงอย่างเดียว และมีการจับมือกับพาร์เนอร์บริษัทต่างชาติมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจให้เกิดความมั่นคง

ดร.เกษรา กล่าวว่า จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้เสนาฯ นำแนวคิดของเรื่อง geo fjt+ Mamoru หรือ วิธีการเตรียมความพร้อมเพื่อความปลอดภัย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นหลักคิด geo fjt+ ของฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป เพื่อนำมาปรับใช้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น จัดทำห้องเก็บอุปกรณ์จำเป็นเมื่อเกิดอุบัติภัยต่างๆ ห้องพยาบาล เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับคนไข้ฉุกเฉิน การจัดประชุมหารือระหว่างผู้พักอาศัยกับนิติบุคคล เพื่อสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรที่เข้มแข็งเพื่อเตรียมรับมือในการป้องกันภัยพิบัติ เป็นต้น

เช่าออมบ้าน
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

“ที่ผ่านมาเสนาฯ มองว่าเมืองไทยไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของแผ่นดินไหวรุนแรง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นมาแล้ว เราจึงได้นำแนวคิด geo fjt+ Mamoru มาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยต่างๆ กรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดและอาจจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต”

นอกจากนี้ ยังได้จัดทำ “คู่มือป้องกันแผ่นดินไหว” ฉบับภาษาไทย ซึ่งได้แปลจากภาษาญี่ปุ่น เพื่อนำไปแจกจ่ายเป็นข้อมูลคู่มือในการปฏิบัติในช่วงที่อาจเกิดความกังวลในช่วงเวลานี้ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมในเรื่องการเตรียมตัวก่อน-ระหว่าง-หลังเกิดภัย เพื่อสร้างความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ลูกบ้านเสนาและผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด “คู่มือป้องกันภัยพิบัติ” ฉบับภาษาไทย ได้ที่ https://bit.ly/3XJjMUj

เช่าออมบ้าน

“จากสถานการณ์แผ่นดินไหว เสนาฯ ได้รับความสียหายในเรื่องงานด้านสถาปัตยกรรม เช่น ผนังร้าว ขณะที่งานโครงสร้างตัวอาคารไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด  ได้มีการส่งทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญลงพื้นที่เข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งสิ้น 108 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 62 โครงการ และแนบราบ 46 โครงการ”

3 มาตรการ ฟื้นเชื่อมั่นลูกค้า 

ทั้งนี้ เสนาฯ ยังได้จัดทำมาตรการเร่งด่วน SENA ‘S Protocol เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกบ้านทุกโครงการของเสนาที่ได้รับผลกระทบ โดยแบ่งออกเป็น 3 มาตรการเร่งด่วนรับมือแผ่นดินไหว

1. สร้างความมั่นใจ เร่งตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน โดยทีมเสนาฯ และทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ (Third Party) โดยเฉพาะการตรวจสอบอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอาคารที่สร้างแล้วเสร็จ ซึ่งหลังจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีปัญหาด้านโครงสร้างทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ และสามารถดำเนินการก่อสร้างสำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และสามารถเข้าพักอาศัยได้สำหรับโครงการที่แล้วเสร็จ

2. ตรวจสอบเชิงลึก เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ดำเนินการตรวจสอบห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง โดยลูกบ้านสามารถแจ้งปัญหาผ่านทางแอปพลิเคชัน SEN PROP ซึ่งจะทำการรวบรวมข้อมูลและปัญหาของลูกบ้าน เพื่อนำมาสู่งานประกันและงานซ่อมได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น

3.แก้ไข โดยดำเนินการแก้ไขและซ่อมแซมร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ผ่านกล่องที่ชื่อว่าแจ้งปัญหาที่เกิดจากแผ่นดินไหว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานซ่อมแซมส่วนที่ได้รับความเสียหายร่วมกับพาร์ทเนอร์ และผู้เกี่ยวข้อง

ชะลอก่อสร้าง 6 โครงการ -แต่ยังขายปกติ

ขณะที่แผนงานหลังจากนี้ เสนาฯ ได้ชะลองานก่อสร้างออกไปก่อน 6 โครงการ เป็นระยะเวลา 3 เดือน แต่ยังคงดำเนินการขายปกติ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 9,200 ล้านบาท โดยทั้ง 6 โครงการ เป็นโครงการที่กำลังจะก่อสร้างแต่ยังไม่ได้สร้าง และเปิดขายมาแล้ว 5-6 เดือน ได้แก่ โครงการโคซี่ บีทีเอส สะพานใหม่, โครงการโคซี่ รามฯ 189 สเตชัน, โครงการเสนา คิทท์ สำโรง อินเตอร์เชนจ์, โครงการเฟล็กซี่ ริเวอร์วิว – เจริญนคร, โครงการเฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา และ โครงการนิช โมโน บางโพ ขณะที่ 11 โครงการ ที่จะเปิดตัวใหม่ในปีนี้เป็นโครงการที่เปิดขายก่อนและสร้างทีหลังซึ่งยังคงดำเนินงานตามปกติ

เช่าออมบ้าน

INT ART CRAFT FINAL
ภาพ:https://www.sena.co.th/

“การชะลอการก่อสร้าง 6 โครงการ เพื่อต้องการดูในเรื่องของงานออกแบบ และความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร  เสนาฯ มองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องความปลอดภัยของตัวอาคาร”

LivNex และ RentNex ช่วยคุณได้!

ส่วนการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เข้มงวด ทำให้การเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย เพราะทุกวันนี้กู้เงิน 1 ล้านบาท ต้องผ่อนจ่ายเดือนละ 6,500 บาท หากดอกเบี้ยลดลงจะจ่ายเพียงเดือนละ 4,000 – 5,000 บาท เชื่อว่าผู้บริโภคก็ยังจ่ายได้อยู่ ดังนั้น LivNex – เช่าออมบ้าน เช่าเพื่อเป็นเจ้าของคอนโดในทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ผู้ที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเงิน และ RentNex – เป็นการเช่าคอนโดในรูปแบบที่ยืดหยุ่นตามสไตล์คนชอบเช่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการกระตุ้นยอดขาย ที่มีความมั่นใจได้ว่า จะก่อให้เกิดการโอนได้ในอนาคต ขณะนี้มีสัญญาจาก LivNex – เช่าออมบ้าน จำนวนกว่า 1,000 ยูนิต ซึ่งยอดขาย LivNex จะสามารถทยอยเปลี่ยน เป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในเวลา 3 ปี นับจากนี้

เสนาฯ มองว่ารูปแบบการขายที่อยู่อาศัย และรูปแบบที่ลูกค้าให้มูลค่าเพิ่ม ( Value-added ) หลังจากนี้อาจจะเปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคจะหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติมากขึ้น ขณะที่ในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยจะต้องดูว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อ มาเป็นการเช่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ภัยพิบัติเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้ซื้อ และสภาพเศรษฐกิจด้วย LivNex เช่าออมบ้าน

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight