ตลาดหลักทรัพย์ปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุน ! เปิดแผนกระตุ้นตลาดทุน “สั้น-กลาง-ยาว” ทรานฟอร์ม LTF สู่ Thai ESG เดินหน้าโครงการ Jump+ คัด 50 บจ. เกรดดี ทำแผนธุรกิจ 3-5 ปี สร้างการเติบโตยั่งยืน ขอเว้นเสียภาษีกำไรส่วนเพิ่ม หนุน M&A สร้างความแข็งแกร่ง ปลดล็อกโครงการซื้อหุ้นคืนไม่กำหนดระยะเวลาขายหุ้นออก หวังเป็นพยุงตลาดหุ้น หลังพบ 63% ของบจ.ทั้งหมดซื้อขายราคาที่ต่ำกว่าบุ๊คแวลู พร้อมพาตลาดทุนไทยสู่ Listing Hub
การดิ่งลงการดัชนีตลาดหุ้นไทย เกิดขึ้นจากผลกระทบของการกลับเข้ามาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ หรือทรัมป์ 2.0 ที่ทำให้ตลาดทุนโลกปั่นป่วน จากความกังวลเรื่องการขั้นภาษีเพื่อกีดกันการค้า นำไปสู่สงครามทางการค้า ปัญหาเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้น การลดดอกเบี้ยของเฟดอาจสิ้นสุดลง ขณะที่ปัจจัยในประเทศ คือ หุ้นไทยถูกกระทบจากแรงขายกองทุน LTF ที่ครบกำหนดโดยในเดือนแรกของปี 2568 ขายออกมาแล้ว 1.8 หมื่นล้านบาท ในปีนี้มีกองทุน LTF ที่ครบกำหนดและพร้อมขายมีอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท
ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความเข้มแข็งในทุก ๆ ด้าน อย่างต่อเนื่อง!!
ทรานฟอร์ม “LTF” สู่ “Thai ESG”
เมื่อเร็วๆนี้ นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พร้อมทีมผู้บริหาร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแนวทางกระตุ้นตลาดทุนใน 3 ระยะทั้งระยะสั้น กลางและระยะยาว โดยนายอัสสเดช กล่าวว่าตลาดหลักทรัพย์พร้อมเดินหน้าแนวทาง ฟื้นความเชื่อมั่นและสร้างความแข็งแกร่งยั่งยืนให้ตลาดหุ้นไทยในระยะยาว โดยจะดำเนินมาตรการใน 3 ระยะ ประกอบด้วยมาตรการระยะสั้น, มาตรการระยะกลางและมาตรการระยะยาว
โดยมาตรการระยะสั้นถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ คือการแปรสภาพกองทุน LTF ให้เป็นกองทุน Thai ESG (TESG) เพื่อสนับสนุน Trust & Confidence รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนใน ESG ช่วยสร้างเสถียรภาพตลาดในยามผันผวน ส่วนรายละเอียดและมาตรการจูงใจอย่างไร ต้องหารือกับกระทรวงการคลังก่อน คาดว่าการหารือกับกระทรวงการคลังภายใน 2 สัปดาห์นี้
Jump+ หนุนบจ.เกรดดีทำแผนเพิ่มมูลค่า-ยกเว้นภาษีกำไรส่วนเพิ่ม
ส่วนมาตรการกระตุ้นตลาดระยะกลาง คือโครงการ Jump + คาดว่าจะเปิดตัวภายในเดือนพฤษภาคม 2568 เป็นโครงการที่สนับสนุน ให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เกรดดี เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 50 บจ. ต้องทำแผนธุรกิจ 3-5 ปี ที่จะเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจของบริษัทในระยะ 3 ปีข้างหน้า หาก บจ.ไหนที่เข้าร่วมโครงการนี้ ถ้ามีการเติบโตทั้งรายได้และกำไรตามแผนที่วางไว้ จะขอยกเว้นภาษีกำไรส่วนที่เพิ่มขึ้นระหว่างร่วมโครงการ ปกติจะเสียอยู่ 20%
หัวใจหลักสำคัญของโครงการนี้มี 4 ด้าน คือ 1. Growth 2. Visibility 3. Incentive 4. Trust & Confidence โดยจะมี Incentive ที่ให้กับบริษัทที่ร่วมโครงการ และบริษัทที่สามารถพัฒนาได้ตามแผนที่วางไว้ อาทิ การสนับสนุนค่าที่ปรึกษา หรือ FA การ roadshow ทั้งในและต่างประเทศ หรือการหารือแนวทางสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกำไรที่ทำได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการ เป็นต้น
ทั้งนี้การเข้าร่วมโครงการ Jump+ ต้องเป็นบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai รวมทั้งไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ,CS ,CC ,CF, ไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน, ไม่อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ และต้องไม่มีกรรมการผู้บริหารที่ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษใน 1 ปีที่ผ่านมา
หนุน M&A สร้างความแกร่ง-แข่งขันได้
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการทำ M&A หรือการควบรวมกิจการ ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่งขึ้น แข่งขันได้ทั่วโลก เพิ่มประสิทธิผล รวมทั้งลดต้นทุนธุรกิจที่ผ่านมาประเด็นปัญหาที่ทำให้ M&A ยังไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก คือเรื่องภาษี ยกต้วอย่างกรณีที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะ M&A กับบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ จะพบว่ามีบัญชี 2 เกิดขึ้นอยู่และการมีบัญชี 2 อาจหมายถึงการยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในระบบของฐานภาษี มีความกังวลในเรื่องของการเสียภาษีย้อนหลัง ดังนั้นอาจต้องมีการหารือเพื่อขอ ยกเว้นการเก็บภาษีย้อนหลัง หรือ “นิรโทษกรรมภาษี” ของธุรกรรม M&A ที่เกิดกับบริษัทนอกตลาดที่มีบัญชี 2 หากมองไปอนาคตจะทำให้ฐานภาษีใหญ่ขึ้นบริษัทที่เคยมีบัญชี 2 ก็จะเข้ามาอยู่ในระบบและทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้นในที่สุด
ประเด็นที่มีเรื่องภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องตลาดหลักทรัพย์ ต้องหารือกับกระทรวงการคลังก่อน ทั้งเรื่อง LTF-Jump+ คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 1-2 สัปดาห์นี้ “เบื้องต้นเท่าที่คุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อนหน้านี้ โดยหลักการที่ท่านให้มาอะไรที่ไม่ทำให้รายได้ของรัฐลดลง ท่านก็พร้อมสนับสนุน ส่วนตัวเชื่อว่าโครงการนี้จะ วิน-วิน กับทุกฝ่าย เพราะภายหลังจากเข้าโครงการนี้ 3 ปี คาดว่า บจ.จะมีกำไรสูงขึ้น ในระยะยาวภาครัฐก็จะได้ประโยชน์จากการสามารถจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะบริษัทใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้มากยิ่งขึ้น ” นายอัสสเดช กล่าว
นายอัสสเดช กล่าวว่าสำหรับโครงการ Jump+ อาจมีความกังวลว่า จะนำไปสู่การกระทำที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้เป็นช่องทางในการสร้างราคา อยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวล เพราะล่าสุด ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ทำ MOU กับหน่วยงานตรวจสอบ ทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการตรวจสอบเส้นทางเงิน โครงการนี้จะต้องผ่านมติคณะกรรมการ (บอร์ด) ของแต่ละบริษัทมาก่อนอยู่แล้ว ซึ่งจะถูกล็อกโดยมติคณะกรรมการจึงไม่น่ากังวลและตลาดหลักทรัพย์ พร้อมที่จะทำงานหนัก เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีทั้งความลึกและความกว้างมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
ขอกระทรวงพาณิชย์ปลดล็อคเวลาซื้อหุ้นคืน
นายอัสสเดช กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ยังได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์ รวมถึง ก.ล.ต ในประเด็นการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock ) ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.มหาชน เรื่องนี้ถ้าเห็นด้วยพร้อมกันก็เพียงแค่ออกประกาศของกระทรวงพาณิชย์ก็ทำได้ ไม่ถึงขั้นต้องแก้ไข พ.ร.บ. เพราะมองว่า การทำ Treasury Stock ของบริษัทจดทะเบียนจะเป็นกลไกช่วยให้มูลค่าของกิจการสะท้อนได้อย่างเหมาะสม และทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงขึ้นผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับปันผลมากขึ้น
ประเด็นที่ต้องการปลดล็อก คือ ระยะเวลาการซื้อหุ้นคืน จากเดิมที่ต้องเว้นวรรค 6 เดือน ซื้อหุ้นคืนแต่ละรอบ และระยะเวลาการขายหุ้นซื้อคืนออกที่กำหนดไว้ การหารือจะให้ปลดล็อกส่วนนี้ คือไม่ต้องกำหนดขายออกจะขายเมื่อเห็นว่าเหมาะสม ส่วนสัดส่วนการซื้อคืน 10% ตามเกณฑ์นั้น ก็จะถูกบังคับด้วยฟรีโฟลตหุ้นจะต้องไม่น้อยกว่า 15% และหากทำโครงการซื้อหุ้นคืนจะต้องไม่กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ด้วย
63% ของ บจ.ทั้งตลาดซื้อ-ขายต่ำกว่ามูลค่าบัญชี
นายอัสสเดช กล่าวด้วยว่าในตลาดหุ้นปัจจุบันพบว่า บริษัทจดทะเบียน 826 บริษัท มีมากกว่า 63 % ที่ซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าบัญชี(บุ๊คแวลู) ซึ่งการดำเนินมาตรการต่างๆก็จะสนับสนุนให้บจ.ไทยกลับขึ้นมาสู่ปัจจัยพื้นฐานและสะท้อนความเป็นจริง
นายอัสสเดช กล่าวว่า มาตรการระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์มีเป้าหมายชัดเจน – การสนับสนุนให้ไทยเป็น Listing Hub สามารถระดมทุนได้ทั้งบริษัทให้ภูมิภาคและทั่วโลก เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย สร้างความง่ายในการประกอบธุรกิจ (ease of doing business)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องหุ้น AOT หลังดิ่งแรง KSS ชี้ Sentiment ลบ เป็นโอกาส ‘ทยอยสะสม’
- ทอท. แจงยิบตลท. 6 ข้อ ยันไม่ได้แก้สัญญาสัมปทาน คิง เพาเวอร์
- แดงทั้งกระดาน!! หุ้นเช้าวันนี้ดิ่งแรงเปิดร่วง 34.04 จุด หลุดแนวรับสำคัญ!
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X : https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram : https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg