CEO INSIGHT

‘โออาร์’ ในมือ ‘ดิษทัต’ 2 ปี 12 วันแห่งความเปลี่ยนแปลง ฝากคนโออาร์ต้องรักองค์กร

2 ปี 12 วัน “โออาร์” ในมือ “ดิษทัต” 2 ปีแห่งความเปลี่ยนแปลง พร้อมส่งไม้ต่อ “ปีกทอง” ย้ำ!! คน “โออาร์” ต้องรักองค์กร เข้มแข็ง ไม่โกง ไม่คอร์รัปชั่น เป็นคนดีของประเทศ

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสายพลังงานได้มีโอกาสรับฟังมุมมองและประสบการณ์ทำงาน 2 ปีกับ 12 วันของหัวเรือใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR อย่าง “ดิษทัต ปันยารชุน” ซึ่งจะหมดวาระการทำงานในวันนี้ (11 ธ.ค.) และต้องภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้กับ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ซึ่งจะเริ่มงานในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 หรือวันพรุ่งนี้นั่นเอง

ดิษทัต

นายดิษทัต เล่าว่า จากจุดเริ่มต้นในสายงานเทรดดิ้ง ปตท. สู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำ OR เขาวางรากฐานสำคัญขององค์กรผ่านแนวคิด RISE OR ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ (R – Result-oriented) การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด (I – Intelligence) การร่วมกันทำร่วมกันเติบโต (S – Synergy) เอาจุดแข็งของกลุ่มปตท.มาทำงานร่วมกัน ก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด แข่งขันได้ และการสร้าง Mindset แห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจ (E – Entrepreneurship)ให้กับพนักงานทุกคน

พร้อมผลักดันการเปลี่ยนแปลงในการทำงานขององค์กร โดยส่งเสริมให้บุคลากรก้าวออกจาก Comfort Zone ที่จำกัดอยู่ในพื้นที่ความถนัดเดิม สู่ Growth Zone ที่เปิดรับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ ทำธุรกิจที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและวางกลยุทธ์การพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการดำเนินงาน โดยเปิดสายงาน digital กล้ารับคนนอกเข้ามาจาก IBM เพราะไม่มีเวลาเรียนรู้จากคนข้างในบริษัท

ดิษทัต

อนาคต “โออาร์”

นายดิษทัต บอกว่า ในอนาคตเขาอยากเห็นโออาร์เป็น Flagship ของกลุ่ม ปตท. ที่เข้มแข็ง แต่จะทำอย่างไรให้แต่ละธุรกิจโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนโยบายต่าง ๆ ที่วางไว้คือความยั่งยืน “การทำงานที่ผ่านมา ผมไม่เคยมีวันพักผ่อน ผมไม่เคยมีวันที่จะหยุด ผมมั่นใจว่าผมเป็นมืออาชีพ เป็นผู้บริหารที่เสียสละ 100% ผมมาในสัญญาจ้าง สิ่งที่ผมทำ ผมทำให้โออาร์ล้วน ๆ”

ที่ผ่านมา ธุรกิจ Lifestyle เป็น Portfolio ที่ถูก Cut loss มากที่สุด ธุรกิจไหนที่ไม่ทำกำไรก็ต้องตัดออกหรือถอนตัวออกมา ซึ่งได้มีการยกเลิกการทำธุรกิจไปแล้ว 5-6 ตัว อาทิ ร้าน Texas Chicken ที่เลิกกิจการไปแล้ว บริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ผู้ดำเนินการร้านอาหารญี่ปุ่น Kouen ร้านคาเฟ่ อเมซอนที่จีนในนาม OR China บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express) ก็ขายหุ้นออกไปมีกำไร Fixx และลงทุนแมน ส่วนธุรกิจ ORBIT Digital ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวน Business Model อยู่ เพื่อสร้างมีมูลค่าแล้วนำเข้าตลาดหุ้น

ปีหน้าโออาร์จะต้องเทคออฟ เพราะเอาธุรกิจที่ไม่ได้ทำกำไรหรือโตไม่ไหวออกไปแล้ว และปี 2568 นี้จะเป็นปีแห่งการลงทุน ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญกับ CEO คนใหม่ จะต้องไปหาโอกาสในการลงทุนให้ได้ โดยมองไปถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์เป็นดาวรุ่งที่อยากเห็นเป้าหมายกำไรของกลุ่มถึง 50% จากเดิม 30% ขณะที่ธุรกิจน้ำมันยังอยู่กับเราอีกไม่ต่ำกว่า 15 ปี โออาร์จะต้องแข่งขันบน “มาร์จิ้น” ไม่ใช่ “โชค” ไม่ควรเก็บน้ำมันในคลังมากเกินไป จะต้องบริหาร รับ เก็บ จ่าย ให้สมาร์ท การแก้ปัญหาจะต้องตรงจุด และรวดเร็ว

ดิษทัต

ฝากถึงคน “โออาร์”

ผมอยากให้พนักงานโออาร์ รักองค์กรเยอะ ๆ คนโออาร์ต้องเข้มแข็ง แน่นอนโออาร์เป็นแหล่งผลประโยชน์ของทุกคนที่อยากเข้ามา มีอํานาจในการจัดซื้อมีอํานาจหลายอย่าง เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่ในคุณธรรมให้ดี เราต้องเป็นคนดีของประเทศไทย ที่อยากฝากน้อง ๆ ต้องเป็นคนดี ต้องไม่โกง ต้องไม่คอรัปชั่น ต้องเป็นคนดี

อนาคตของโออาร์นั้น โออาร์เจริญรุ่งเรืองแน่นอน โออาร์เหมือนเครื่องบินที่เทคออฟ ในสองปีที่ผ่านมาผมนําพาโออาร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬาร เยอะที่ผมทำไว้ ผมมั่นใจที่ ม.ล.ปีกทองจะมารับมอบ ม.ล.ปีกทองเป็นคนเก่ง ท่านเป็นลูกหม้อคนหนึ่ง ผมได้มีการแชร์ประสบการณ์ แชร์นโยบาย เพราะฉะนั้นก็เป็นดุลพินิจของท่าน ท่านจะนําพาโออาร์ไปในทิศทางไหน ท่านจะนําเอานโยบายทั้งหมดหรือเอาบางส่วนอันนี้แล้วแต่ท่าน

“องค์กรใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะโออาร์ ถ้าผมไปอยู่องค์กรอื่น ผมก็จะพูดเหมือนกันว่าต้องเป็นคนดี ไม่มีนัยสำคัญอื่นใด ผมบอกเลยว่าในกลุ่มองค์กร ปตท. ภายใต้การนำของท่านคงกระพันท่านต้องการการกำกับดูแลที่ดี ผมไม่ได้บอกว่าโออาร์โกงนะ ไม่มี ผมแค่บอกว่าต้องระมัดระวัง เพราะว่าคนจะมาหาโอกาสในบริษัทมันเป็นเรื่องปกติ ไปถามซีอีโอท่านอื่น ในบริษัทอื่น ๆ เขาก็ต้องกำชับว่าต้องเป็นคนดี พวกเราเป็นคนเก่งอยู่แล้ว ก็ต้องเป็นคนดีด้วย เท่านั้นครับ ผมยืนยันว่าไม่มีนัยอะไร” นายดิษทัต กล่าว

ดิษทัต

อนาคตของ “ดิษทัต”

ผมเป็นคนไม่หยุด ผมเป็นคนชอบท้าทาย ก็รอ ผมอาจจะบอกไม่ได้ว่าผมจะไปที่ไหน แต่ผมรอนะครับก็อาจจะหลังจากมกราคมเราเจอกันใหม่ อาจจะเห็นผมอีกรูปแบบหนึ่งเลย ผมก็รอในการที่จะ challenge ตัวเอง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมคิดว่าผมชอบที่จะท้าทายตัวเอง เพราะผมคิดว่าเรายังมีศักยภาพ เรามี asset ในตัวเรา ถ้าใครเห็นในคุณค่าในตัวของผมก็ไปดําเนินการ แต่ถ้าไม่เห็นผมก็คงกลับไปอยู่บ้านปลูกกาแฟผมเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK