PTG วาดแผนขยายธุรกิจ 5 ปี มุ่งสู่ “Drive for Tomorrow” ยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT ครบวงจร ตั้งเป้าเปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทยรวมกว่า 5,000 สาขา
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้าได้ตั้งเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจขายปลีกน้ำมันกว่า 25% มีจำนวนสมาชิก Max Card กว่า 30 ล้านสมาชิก ซึ่งจะครอบคลุมคนไทยทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายมีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขา พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG สร้างประสบการณ์ O2O ที่ไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้ Data เพื่อให้เกิด End-to-End Personalization ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
ลุยยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT ใน 3 มิติ
1. Expansion and Renovation โดยเดินหน้าขยายสาขาทั้งหมดปีนี้สู่ 2,206 สาขา
2. Service Innovation โดยการยกระดับการให้บริการ ซึ่งบริษัทฯ จัดตั้ง PT Service Master ขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำลูกค้า อีกทั้งยังมี Max Camp ให้ลูกค้าได้เข้าพักผ่อนในระหว่างการเดินทาง โดยให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก Max Card
3. Data Optimization โดยการรวบรวมความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่าง ๆ ผ่านทางฐานสมาชิก Max Card, Max Card Plus, Max Me และ Max Enterprise Connect เพื่อนำเสนอ Data-Driven Offerings and Promotions ให้ตรงใจ และตรงความต้องการลูกค้ามากที่สุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยกระดับการให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน PT โดยบริการรูปแบบใหม่ PT Service Master ที่พร้อมดูแล แนะนำลูกค้าให้ประทับใจได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น และสามารถดูแลลูกค้าได้ทั่วประเทศ
ปัจจุบันมี PT Service Master ประมาณ 200 กว่าคน โดยวางเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 2,500 คน ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ สำหรับ PT Max Camp ในปัจจุบันตั้งอยู่ใน 64 สถานี จะขยายเป็น 141 สถานี ภายในปี 2570 ขณะที่ฐานสมาชิก Max Card มีทั้งสิ้น 19 ล้านสมาชิก ตั้งเป้าจะขยายไปเป็น 30 ล้านสมาชิกในอีก 5 ปีข้างหน้า
ความสำคัญของ Max Card และ Max Card Plus คือเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพิ่มยอดขาย และเพิ่มความถี่ของการเข้ามาใช้บริการธุรกิจในเครือเพิ่มมากขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังมีเครื่องมือ Max Me ที่เป็น Application และ e-Wallet ที่จะช่วยต่อยอดฐานสมาชิกในโลกออนไลน์ โดยภายในปีนี้คาดว่าลูกค้าจะสามารถชำระเงินผ่าน Max Me กับพาร์ทเนอร์กว่า 1 ล้าน Touchpoints อีกทั้งยังมีบริการสินค้าดิจิทัล Financing และไลฟ์สไตล์ ที่จะมาเชื่อมต่อกับ Max Me อีกด้วย
ทั้งนี้ ยังมีการใช้ดิจิทัล แฟลตฟอร์ม เพื่อตอบโจทย์ B2B ได้แก่ Max Enterprise Connect ซึ่งเป็น Fuel Management Platform ที่ช่วยในการบริหารต้นทุนน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาได้ตรงจุด และลดความยุ่งยากที่เกี่ยวกับเอกสาร เหมาะสำหรับผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจทุกขนาด

ส่วนปี 2565 ที่ผ่านมา ธุรกิจน้ำมัน (Oil) ของ PTG มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 5,316 ล้านลิตร เติบโตขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากช่องทางการค้าปลีกผ่านสถานีบริการที่ 6.5%
นายพิทักษ์กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ยังได้เปิดตัวสถานีบริการน้ำมัน PT ครบวงจร (PT Max Park Salaya) ซึ่งเป็น แฟลกชิพรูปแบบแรก ที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย ติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันระบบดิจิทัล พร้อมทั้งจัดให้มีพนักงาน PT Service Master อำนวยความสะดวกในการจำหน่ายน้ำมัน โดยทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า
ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้ชื่อ Elex by EGAT Max โดย ณ สิ้นปี 2565 Elex by EGAT Max ได้ติดตั้งไปแล้ว 35 สถานี และมีแผนที่จะติดตั้งเป็น 65 สถานีในปี 2566
ด้านร้านกาแฟพันธุ์ไทย ที่พร้อมเติบโตตามแผนกลยุทธ์ 4 ด้าน คือ 1. มุ่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในรูปแบบของแฟรนไชส์ ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมัน PT 2. รังสรรค์เครื่องดื่มใหม่ ๆ 3.เน้นเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม ให้มากขึ้น และ 4.นำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT สิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,149 สถานี แบ่งเป็น สถานีบริการฯ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ (COCO) จำนวน 1,809 สถานี และสถานีบริการฯ ที่เป็นของผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์จากบริษัทฯ (DODO) จำนวน 340 สถานี
สำหรับจำนวนสาขาของธุรกิจ Non-Oil สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,526 สาขา แบ่งเป็น
- ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จำนวน 511 สาขา
- ธุรกิจ LPG แบ่งเป็น สถานีบริการ Auto LPG จำนวน 231 สถานีบริการ และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) จำนวน 253 สาขา
- ร้านสะดวกซื้อ Max Mart จำนวน 309 สาขา
- ร้านคอฟฟี่ เวิลด์ จำนวน 26 สาขา
- ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs จำนวน 45 สาขา
- ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน Maxnitron Lube Change จำนวน 52 สาขา
- จุดพักรถ Max Camp จำนวน 64 จุด
- สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging) จำนวน 35 จุดชาร์จ
ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG มีการเติบโตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นจำนวน Touchpoint ที่เติบโต 36% รายได้เติบโต 68% โดย ณ สิ้นปี มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil ที่ 18.5% ซึ่งเป็นไปตามทีมองไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 15-20%
ส่วนโครงการ Solar Rooftop เป็นการลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างลงทุนและซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA กับบริษัทฯ และจะขยายการลงทุนในประเทศ และต่างประเทศต่อไปในอนาคต
ปัจจุบันโครงการนี้มีมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตไฟฟ้า ทั้ง Phase 1-4 โดยรวมประมาณ 8.171 MW ปัจจุบัน Phase 1 และ 2 ได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว
ยปีนี้มีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 6.291 MW คาดว่าปี 2567 จะลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า 9.5 ล้านหน่วยต่อปี และคาดว่าจะลดค่าใช้จ่าย 40-50 ล้านบาท รวมทั้งช่วยลดปริมาณ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4.237 ล้านตันต่อปี (EPPO ref:การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยการใช้ไฟฟ้า (kWh) :0.446)
“ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะเพื่อชุมชน ณ เทศบาลเมืองบ้านพรุ มีขนาด 4.5 MW มูลค่าโครงการโดยประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3/2566 และเปิด COD ได้ในปี 2568
ผลประโยชน์ที่บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับ คือสามารถลดปริมาณขยะสะสมได้ 2-3 ล้านตัน คาดว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมได้ 4-5 ล้านตัน และสร้างงานสร้างโอกาสให้คนอีก 100 ตำแหน่ง ทั้งหมดนี้เพื่อเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกด้านของช่วงชีวิต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อรินแคร์’ ปิดดีล Series B มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์ ผนึกกลุ่ม ‘รพ.จุฬารัตน์-PTG’ ต่อยอด Health Tech
- จากปั๊มน้ำมัน ‘พีทีจี’ โดดร่วมกระแส ‘กัญชง’ ผนึกพันธมิตรเพิ่มมูลค่า
- ‘พีทีจี’ ทุ่มต่อ 5,000 ล้าน หลังผงาดที่ 2 ปั๊มน้ำมัน ย้ำขาย ‘บี 10’ แล้ว