Properties

‘แสนสิริ’ รับลูกค้าจีนหด หันซบคนไทย ผุด18 โครงการมูลค่า 24,000 ล้าน

แสนสิริ ลุยลุกค้าไทยซื้ออยู่จริง สู้ปัจจัยลบรอบด้าน เผยเทรดวอร์ เศรษฐกิจโลก โควิด-19 ซัดลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะจีน และกลุ่มซื้อลงทุนลดวูบ เดินหน้าผุด 18 โครงการ มูลค่า 24,000 ล้านบาทปีนี้ พร้อมเพิ่มพอร์ตธุรกิจใหม่กระจายเสี่ยง

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ต่อเนื่องถึงปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าจีน-สหรัฐ, เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซารวมถึงเศรษฐกิจไทย, มาตรการแอลทีวี ที่ส่งผลกระทบกับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในไทย และล่าสุดคือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

Sansiri Business Direction COO CFO 1

สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ลูกค้าต่างชาติของแสนสิริมียอดขายเหลือเพียง 3,000 ล้านบาท หรือประมาณ 15% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2562 ที่ผ่านมา จากปกติที่มีสัดส่วน 25% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนประมาณ 1,000 รายในปี 2562 ที่ผ่านมาที่ยังเหลือยอดโอนอีกประมาณ 500 ราย

นอกจากนี้ มาตรการแอลทีวีในปี 2562 ที่ผ่านมา ยังส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนลดลง โดยเฉพาะผู้ซื้อคอนโดมิเนียมที่เป็นกลุ่มซื้อเพื่อลงทุนประมาณ 10% ทั้งหมดนี้ส่งผลให้แสนสิริ ต้องปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมาเจาะตลาดเรียลดีมานด์ หรือกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากขึ้น

154580

“ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ เป็นปีแห่งความท้าทายของแสนสิริ เหมือนการวิ่งอยู่บนถนนที่ขรุขระ ข้างทางมีหุบเหว ทำให้ปีนี้เราต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง”นายวันจักร์กล่าว

 

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2563 นี้ แสนสิริจะเปิดโครงการใหม่รวม 18 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 37% บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท สัดส่วน 36% และทาวน์โฮม และมิกซ์ โปรเจกต์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28% แบ่งเป็นเซกเมนต์ระดับกลาง 36% และตลาดราคาจับต้องได้ 64%เพื่อให้ แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายในกลยุทธ์ด้านการวางราคาขาย

154579

“จะเห็นว่า โครงการของแสนสิริในปีนี้จะลดลงจาก 20 โครงการใหม่ในปี 2562 มูลค่าโครงการรวม 30,000 ล้านบาท เหลือ 18 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากเน้นโครงการที่มีขนาดเล็กลง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อ โดยเฉพาะโครงการระดับราคาล้านต้นที่จะมีมากขึ้น”นายวันจักร์กล่าว

 

ขณะเดียวกันจะขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี่ ด้วยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection อาทิ 98 ไวร์เลส, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คุณ บาย ยู และบ้านแสนสิริ

ทั้งนี้ แสนสิริตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 29,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย 21,000 ล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 33,000 ล้านบาท เพิ่มจากยอดโอนในปี 2562 อยู่ที่ 31,000 ล้านบาท โดยในปี 2562 มียอดรับรู้รายได้ที่ 26,300 ล้านบาท และกำไร 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20%

154584

 

นอกจากนี้ แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี อีกถึง 47,500 ล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริได้เป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดยแสนสิริมีความพร้อมที่จะลงทุน แต่ต้องจับตาภาวะเศรษฐว่ามีความพร้อมมากพอด้วย

ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ แสนสิริได้เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการวางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ รวมทั้งมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่าภายใต้แนวคิดบ้านที่ได้มากกว่าบ้าน

ทั้งนี้ได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ได้แก่ การเดินหน้ามุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย
โฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์ (Mass Market) ด้วยการพัฒนาโครงการ ภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด, เดอะเบส, สิริ เพลส, อณาสิริ และ สราญสิริ เริ่มจากการเตรียมเปิดตัว ดีคอนโด รามคำแหง 40 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม ในเดือนพฤษภาคมนี้ ตลอดจนบุกตลาดต่างจังหวัดที่ ป่าคลอก ภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ อณาสิริ ในปีนี้

154581

ในส่วนของคอนโดมิเนียม แสนสิริเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ถึง 8 โครงการ ในปีนี้ ได้แก่ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่, ดีคอนโด บลิซ ศรีราชา, เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, เอ็กซ์ที เอกมัย, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, คาวะ เฮาส์ และลา ฮาบาน่า หัวหิน โดยคอนโดมีเนียมที่พร้อมโอนในปีนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า มียอดขายแล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 24,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ด้วยการสร้าง “แหล่งรายได้ใหม่” ได้แก่ แผนการนำ LIV-24 ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริ ขยายการให้บริการสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริหารทั่วประเทศ พร้อมทั้งมีแผนต่อยอดและขยายขอบเขตการบริการของ Home Service Application หลังประสบความสำเร็จจากประสบการณ์ให้บริการในลูกบ้านแสนสิริกว่า 40,000 ราย ใน 300 โครงการสู่โครงการอื่นๆ ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้บริหารทั่วประเทศ โดยวางแผนเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

154588
อุทัย อุทัยแสงสุข

ขณะที่การลงทุนในธุรกิจระดับโลกก็ประสบความสำเร็จและมีมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้น เช่น มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ The Standard โรงแรมจากสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนธุรกิจโรงแรมทั่วโลกที่แสนสิริเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หลังจากประกาศแผนเปิดโรงแรมแห่งใหม่ 25 แห่งทั่วโลกภายใน 5 ปี และเปิดตัว The Standard London และ The Standard Maldives เมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้ง JustCo Co-Working Space ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 150% ในแต่ละปี และปัจจุบันมี 42 สาขา ใน 8 เมืองใหญ่ทั่วโลก

นายอุทัย กล่าวต่อว่า แสนสิริมีแผนขยายกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสต์ (Precast) เพื่อรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยจะเปิดตัวโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 3 และ 4 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานที่ 1 และ 2 จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 7 แสนตารางเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านตารางเมตร เมื่อเต็มกำลังการผลิต รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก 2,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ยูนิต ได้ในอนาคต

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คือ “คน” โดยการวางกลยุทธ์ “People Strategy” ต่อยอดวิธีคิดแบบ Agile เพื่อยกระดับความสุขของพนักงานเป็น Made for Us ขับเคลื่อนด้วย 2 แนวคิด คือ New way of Work เน้นการดีไซน์พื้นที่เพื่อตอบโจทย์การทำงานของพนักงานมากขึ้น ทำให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และได้คุณภาพงานที่ดีที่สุด

 

Avatar photo