Properties

เปิดแผน 5 ปี ‘สิงห์เอสเตท’ ทุ่มลงทุน 3 ขาธุรกิจ 6.8 หมื่นล้าน

สิงห์ เอสเตท เผยแผน 5 ปี เตรียมงบกว่า 68,000 ล้านบาท ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Global Holding Company เร่งเครื่องขยายฐานการลงทุนทุกมิติ สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและรุกธุรกิจใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เปิดเผยว่า สิงห์ เอสเตท ได้วางทิศทางธุรกิจในช่วง 5 ปี (2563-2567) โดยเตรียมงบลงทุนรวม 68,000 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ซึ่งปัจจัยในการตัดสินใจลงทุน ได้แก่ สินทรัพย์ที่มีคุณภาพ อยู่ในทำเลที่ดี และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว

THE ESSE

สำหรับแผนลงทุน 5 ปี ดังกล่าว จะประกอบด้วย การลงทุนในธุรกิจที่พักอาศัยจำนวน 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 37,500 ล้านบาท ธุรกิจคอมเมอร์เชียลหรืออาคารสำนักงานให้เช่า 4 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท และการลงทุนในธุรกิจโรงแรม มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท

เริ่มจากธุรกิจที่พักอาศัย ซึ่งรวมทั้ง สิงห์ เอสเตท และ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ ในปีนี้มีแผนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเปิดแบรนด์ใหม่ 5 แบรนด์ทั้งแนวสูงและแนวราบ เพื่อขยายตลาดจากเดิมที่มุ่งจับเฉพาะเซกเมนท์ระดับบน ให้ครอบคลุมถึงเซกเมนท์ระดับกลางถึงบนที่มีการเติบโตที่ดี

ทั้งนี้ ธุรกิจพัฒนาที่พักอาศัย ถือว่าอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวสิ่งที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันมี Backlog ที่จะโอนในปี 2563 มากกว่า 6,000 ล้านบาท และวางแผนเปิดโครงการใหม่รวม 6 โครงการ โดยตั้งเป้าขายรวมกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งมีบางส่วนที่ขายและโอนได้เลยในปีนี้ ทำให้จะเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจที่พักอาศัยในปีนี้แน่นอน

สิงห์

ในส่วนธุรกิจคอมเมอร์เชียลหรืออาคารสำนักงานให้เช่า ล่าสุดได้เข้าซื้ออาคารเมโทรโพลิส ด้วยเงินลงทุน 1,725 ล้านบาท ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าใกล้กับสถานีบีทีเอส พร้อมพงษ์ มีพื้นที่ให้เช่า 14,000 ตารางเมตร เมื่อรวมกับการเติบโตของอัตราการเช่าอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มรายได้ของกลุ่มธุรกิจนี้ในปี 2563

ปัจจุบัน บริษัทมีอาคารสำนักงาน 3 แห่ง คือ อาคารซันทาวเวอร์ส อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ และอาคารเมโทรโพลิส ซึ่งทุกอาคารมีอัตราการเช่าสูงกว่า 90% ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าจะมีพื้นที่อาคารเชิงพาณิชย์ 300,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันที่มี 140,000 ตารางเมตร โดยบริษัทเตรียมงบลงทุน 8,500 ล้านบาทสำหรับซื้อเพิ่มอีก 4 โครงการ รวมถึงพัฒนาโครงการเอส โอเอซิส (S Oasis) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564

SINGHA COMPLEX exterior 29

ด้านธุรกิจโรงแรมตามแผนธุรกิจ 2567 ตั้งเป้าขยายธุรกิจสองเท่าตัว หรือเติบโต 15% ต่อปี โดยเพิ่มจำนวนโรงแรมขึ้นจาก 39 โรงแรมเป็น 80 โรงแรม ภายใต้บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ครอสโร้ดส์ ที่ประเทศมัลดีฟส์ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2563 โครงการจะรับรู้รายได้เต็มปี โดยตั้งเป้ารายได้โครงการมากกว่า 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ SHR ยังได้เตรียมงบลงทุน 5 ปี กว่า 22,000 ล้านบาท เพื่อซื้อโรงแรมและรีสอร์ทเพิ่มเติม โดยยังคงเน้นการลงทุนในพื้นที่ที่เป็นจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยว ที่สำคัญ เช่น เอเชียแปซิฟิก และเมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้น โดย SHR มีแพลตฟอร์มการบริหารจัดการที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างการเติบโตในระดับสากลได้อย่างรวดเร็ว

พร้อมกันนี้ ปี 2563 ยังถือเป็นก้าวสำคัญของสิงห์ เอสเตท ที่จะต่อยอดการเติบโตจากฐานธุรกิจในรูปแบบ Global Holding Company อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนอกเหนือจากการลงทุนขยายธุรกิจในทุกมิติอย่างยั่งยืนแล้ว บริษัทจะเริ่มพัฒนาธุรกิจใหม่อย่างพลังงานทดแทน (Renewable energy) ที่จะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563 นี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในตลาดโลกและสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม

HRHM Overwater Villas Lagoon 1
DCIM100MEDIADJI_0007.JPG

ในเรื่องกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน สิงห์ เอสเตท มีเป้าหมายที่จะเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลกของดาวโจนส์ (DJSI) ในระยะยาว บริษัทได้นำเป้าหมายของ UN Sustainable Development Goals มาเป็นเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในหลายๆ ประเภท เช่น SDG13 Climate Action ซึ่งมุ่งลดคาร์บอนในกระบวนการทางธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบที่ประหยัดพลังงาน การก่อสร้างที่เป็นมาตรฐาน และการบริหารจัดการอาคารหรือโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

จากแผนงานดังกล่าว จึงมั่นใจว่า ภาพรวมทิศทางธุรกิจในปี 2563 จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยจะมีการโอน ดิ เอส สุขุมวิท 36 และโครงการอื่นๆ ของทั้ง สิงห์ เอสเตท และ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) โดยมี Backlog รวมกว่า 6,000 ล้านบาท และเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลได้รับรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ที่จะเติบโตขึ้นจาก อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ และอาคารสำนักงานเมโทรโพลิส รวมถึงกลุ่มธุรกิจโรงแรมจะมีรายได้เติบโต จากการรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงแรมสองแห่งในโครงการ ครอสโร้ดส์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท

ภาพร่วมผู้บริหาร

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนสร้างรายได้ประจำจากอาคารสำนักงานและโรงแรม โดยเตรียมงบลงทุนในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในปี 2563 กว่า 5,000 ล้านบาท รวมถึงในเริ่มต้นธุรกิจ พลังงานทดแทน ซึ่งนับเป็นเส้นทางการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อยอดจากการเป็น Global Holding Company อย่างแท้จริง

Avatar photo