Properties

ตลาดคอนโดฯไตรมาสสองเปิดใหม่ลดลง 40%

A space ME Bangna

ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล นำเสนอรายงานการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 ระบุว่า คอนโดมิเนียมประมาณ 8,511 ยูนิต เปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2561  ซึ่งน้อยกว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่อยู่ที่ประมาณ 14,050 ยูนิต

โดยเปิดใหม่ลดลง 5,539 ยูนิต หรือลดลงเกือบ 40% จากไตรมาส 1 เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรมากกว่า แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้ประกอบการจะกลับมาเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่กันอย่างคึกคัก โดยคาดว่าคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปี 2561 จะสูงถึง 5.5-6 หมื่นยูนิต

ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า คอนโดมิเนียมประมาณ 22,561 ยูนิต เปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2561   โดยเป็นโครงการอาคารสูงจำนวน  17,275 ยูนิต คิดเป็น  77% และเป็นโครงการประเภทโลว์ไรส์ ประมาณ  5,286 ยูนิต หรือคิดเป็น 23% เท่านั้น

ขยายทำเลรอบนอกกรุงเทพฯชั้นในชะลอตัว

โดยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในกรุงเทพฯ ช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2561 ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพชั้นนอกตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ที่ อยู่ระหว่างการก่อสร้างมากถึง 17,046 ยูนิตหรือ หรือคิดเป็น 76% ส่วนพื้นที่กรุงเทพชั้นในมีเพียง 767 ยูนิต หรือประมาณ 4% เท่านั้น

เนื่องจากปัจจุบันที่ดินในเขตกรุงเทพชั้นในมีราคาสูงมาก โดยบางพื้นที่มาราคาขายสูงกว่าตารางวาละ 3 ล้านบาท โดยมูลค่าการลงทุนรวมในไตรมาส ที่ 2 อยู่ที่ประมาณ  43,293  ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทมหาชน  29,125  ล้านบาท  และบริษัทจำกัด  14,168  ล้านบาท

ไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ในกรุงเทพฯมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่ารวม  61,416 ล้านบาท  โดยรวมมูลค่าการลงทุนของผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครในครึ่งแรกของปีพ.ศ. 2561 จะอยู่ที่ประมาณ   1 แสนล้านบาท  โดยเป็นการลงทุนของผู้ประกอบการบริษัทมหาชน 52,809 ล้านบาท คิดเป็น  51% บริษัทจำกัด  51,050 ล้านบาท คิดเป็น 49%

อุปทาน

คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดที่กรมที่ดินแล้ว มีทั้งหมด 5.63 แสนยูนิต (ไม่รวมคอนโดมิเนียมที่พัฒนาโดยการเคหะแห่งชาติ) โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ที่สร้างเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดแล้ว อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกประมาณ 56%

คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ประมาณ 8,511 ยูนิต ลดลงจากไตรมาสแรกประมาณ 40% โดยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอก โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ที่กำลังก่อสร้าง เช่น สายสีแดง เขียว และน้ำเงิน รวมไปถึงพื้นที่ตามแนวเส้นทางที่มีแผนจะเริ่มการก่อสร้างภายในปีนี้หรือปีหน้า เช่น สายสีส้ม ชมพู และเหลือง

โครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ ในพื้นที่เมืองชั้นในในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 มีเพียง 2 โครงการ ประมาณ  194 ยูนิต เท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการทั้งหลาย ให้ความสนใจพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นนอกมากกว่า เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน และเป็นแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ที่กำลังก่อสร้าง ผู้ประกอบการจึงเพิ่มโอกาสในการพัฒนาออกไปตามเส้นทางดังกล่าว

อัตราการขาย

อัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมทั้งหมด ที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2558 ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 81% คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 มีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 66% จากจำนวนทั้งหมด 8,511 ยูนิต และมีบางโครงการอยู่ในทำเลดีขายได้เกือบ 100% ภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากเปิดขายแบบเป็นทางการ

ผู้ประกอบการกว่า 88% ที่เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ให้ความสนใจโครงการที่มีราคาขายช่วง 7 หมื่นบาท – 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตรในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า

ราคาขายคอนโด

ราคาเฉลี่ยคอนโดฯไตรมาส2 ลดลง20%

ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 อยู่ที่  1.09 แสนบาทต่อตารางเมตร ลดลงประมาณ 20% จากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.35 แสนบาทต่อตารางเมตร เพราะโครงการที่เปิดขายในไตรมาสที่ 2 กว่า 76% เปิดขายในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก แต่โดยปกติราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯปรับเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสประมาณ 3 – 5% ต่อไตรมาสขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และรูปแบบโครงการ

คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ที่เปิดขายในไตรมาส 2 ปี 2561 ขายที่ระดับราคาระหว่าง 5 หมื่นบาท – 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร ในขณะที่มีคอนโดมิเนียมประมาณ 9.5% หรือ 805 ยูนิตเท่านั้นที่เปิดขายมากกว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตร  และค่อนข้างได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นจำนวนมาก สามารถปิดการขายไปแล้วกว่า  602 ยูนิต หรือประมาณ 75% ซึ่งมากกว่าอัตตราการขายได้ในช่วงไตรมาส 2 ถึง 9% สะท้อนให่เห็นว่า คอนโดมิเนียมระดับบนในพื้นที่กรุงเทพฯยังคงเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการพักอาศัยและกลุ่มนักลงทุน

ในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายราย ให้ความสนใจในโครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า 1.3 ล้านบาทต่อยูนิตลดลง เนื่องจากปัญหาใหญ่ที่เกี่ยวกับการขอสินเชื่อของผู้ซื้อในกลุ่มนี้ เพราะว่าผู้ซื้อระดับนี้ ส่วนใหญ่ไม่สามารถได้รับสินเชื่อจากธนาคาร เนื่องจากมีหนี้สินอื่นๆ และหนี้ครัวเรือนสูงเกินกว่าที่ทางธนาคารจะยอมรับได้

 

Avatar photo