ทำเลรัชดา-ลาดพร้าว เป็นอีกหนึ่งย่านที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก มีจำนวนหน่วยขายที่อยู่อาศัยเปิดใหม่มากที่สุดในปี 2561 ที่ผ่านมา เป็นอีกทำเลทองในพื้นที่ชั้นกลางของกรุงเทพฯ ที่กำลังได้รับการขนานนามว่าเป็น NEW CBD เนื่องจากมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่เปิดตัวหลายแห่ง และมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดบริการในพื้นที่
ตามข้อมูลการสำรวจของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) แสดงว่าทำเลนี้มีความต้องการที่อยู่อาศัยมากที่สุด โดยมีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ทั้งสิ้น 14,238 ยูนิต มีมูลค่าสินค้าที่เปิดตัวรวม 58,575 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถขายออกไปได้แล้ว 74% ส่วนที่เหลืออีก 26% คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการระบายออกโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 10 เดือน
ข้อมูล ณ สิ้นปี 2561 พบว่า ทำเลรัชดา-ลาดพร้าว มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่มากที่สุดถึง 7,931 หน่วย หรือ 6.3% ของจำนวนหน่วยเปิดใหม่ในปี 2561 ที่มีอยู่ทั้งหมด 125,118 หน่วย ทำไมจึงมีการเปิดตัวมากเช่นนี้ สิ่งหนึ่งที่ชี้ชัดก็คือ ในทำเลนี้คงมีความต้องการที่อยู่อาศัยมากเป็นพิเศษนั่นเอง และทำไมจึงมีความต้องการมาก เนื่องมาจากปัจจัยเหล่านี้
- ราคาไม่แพงเท่ากับที่อยู่อาศัยในเขตใจกลางเมือง
- อยู่ในบริเวณที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน
- มีกลุ่มคนต่างประเทศโดยเฉพาะคนจีนที่นิยมซื้อในย่านนี้นั่นเอง
ส่วนสถานการณ์การขายในพื้นที่นี้ มีบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ขายอยู่ 20 หน่วย ขายเหลือ 8 หน่วย มีบ้านแฝดขายอยู่ 20 หน่วยเช่นกัน และขายเหลืออยู่ 12 หน่วย และมีทาวนเฮาส์ ระดับราคา 5-10 ล้านบาทจำนวน 178 หน่วย ขายเหลือ 75 หน่วย แต่กลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีการขายอยู่ในขณะนี้หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ที่สุด ก็คือ อาคารชุดพักอาศัย จำนวน 14,238 หน่วย ขายไปแล้ว 10,914 หน่วย เหลืออยู่ 3,324 หน่วย หรือ 23% ของทั้งหมดเท่านั้น
จะสังเกตได้ว่าห้องชุดที่เสนอขายในที่นี้กลุ่มใหญ่ที่สุดมีระดับราคา 2-3 ล้านบาท แต่ขณะนี้เหลืออยู่ 1,005 หน่วย กลุ่มห้องชุดราคา 5-10 ล้านบาท แม้มีอุปทานน้อยกว่าเล็กน้อย แต่จำนวนที่ยังเหลือขายกลับมากกว่า คือเหลืออยู่ถึง 1,347 หน่วย อาจกล่าวได้ว่าที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้ มีราคาค่อนข้างสูง สินค้าราคาต่ำ คือไม่เกิน 2 ล้านบาท มีน้อยมาก แต่ก็ยังมีราคาไม่สูงเท่ากับห้องชุดในเขตใจกลางเมือง
ส่วนสถานการณ์การขายพบว่า ห้องชุดทั้งหลายขายได้เดือนละ 10% ของทั้งหมด แสดงว่าสถานการณ์ค่อนข้างดี ส่วนห้องชุดราคาเกิน 10 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก อาจขายได้ช้ากว่า อย่างไรก็ตามอาจสรุปได้ว่าการขายในที่นี้ประสบความสำเร็จด้วยดีในแทบทุกโครงการ เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นที่ประสงค์ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศโดยเฉพาะคนจีนมากเป็นพิเศษนั่นเอง
