Marketing Trends

‘ธุรกิจเก่าไป ใหม่ไม่มา’ สัญญาณลบสะท้อนเศรษฐกิจซบเซา

อีไอซี ( EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ข้อมูลสถานะนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในช่วง 9 สัปดาห์แรกของปี 2563 (ข้อมูลล่าสุดจนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2563) พบว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงภาวะความซบเซาของธุรกิจภาคเอกชน ที่ตกอยู่ในภาวะ “ธุรกิจเก่าไป ใหม่ไม่มา”

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าจำนวนธุรกิจที่แจ้งเลิกกิจการเพิ่มสูงขึ้นจาก 4,000 รายในช่วง 9 สัปดาห์แรกของปี 2562 มาเป็น 4,900 รายในช่วงเดียวกันปี 2563 คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 22.3% นอกจากนี้จำนวนบริษัทที่มีปัญหาทางการเงิน ได้แก่ กิจการที่มีสถานะถูกพิทักษ์ทรัพย์และล้มละลายก็เพิ่มขึ้นเช่นกันจาก 138 เป็น 202 ราย คิดเป็นการเพิ่มขึ้นสูงถึง 46.4%

conference room 768441 1280

ในทางกลับกัน พบว่า ยอดการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่กลับลดลงจาก 1.5 หมื่นเหลือ 1.4 หมื่นราย หรือคิดเป็นการลดลง 5.3% ดังนั้น การออกจากธุรกิจที่มากขึ้น (เก่าไป) และการจัดตั้งกิจการที่ลดลง (ใหม่ไม่มา) จึงเป็นอีกภาพสะท้อนของสภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยปัจจัยลบในหลายด้าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของหลายกิจการ รวมถึงความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจของภาคเอกชน

จากจำนวนการเลิกกิจการและจำนวนกิจการที่มีปัญหาทางการเงินเพิ่มสูงขึ้นในหลายสาขาธุรกิจ โดยธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวอย่างธุรกิจโรงแรมมียอดรวมของทั้ง 2 กลุ่มเพิ่มขึ้นสูงถึง 56.5% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างชัดเจน ขณะที่ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกเพิ่มขึ้น 20.8% สำหรับภาคการผลิตและภาคบริการหลักอื่น ๆ ได้แก่ ร้านอาหาร ขนส่ง ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ล้วนแล้วแต่มีการเลิกกิจการและมีปัญหามากขึ้นเช่นกัน

1 19

ด้านจำนวนการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ในธุรกิจโรงแรม และค้าส่ง-ค้าปลีกลดลง 17.7% และ 9.7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันยังมีอุปสรรคในการผลิตและขนส่งสินค้า (supply chain disruption) มียอดการจัดตั้งกิจการใหม่ลดลง 16.7% โดยมีสาขาธุรกิจที่มียอดจัดตั้งใหม่ลดลงมาก เช่น ยานยนต์ ลดลง 46.2% คอมพิวเตอร์ ลดลง 37.5% เครื่องจักร ลดลง 24.8%

อย่างไรก็ดี ในช่วงดังกล่าวยังคงมีสาขาธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น ได้แก่ ร้านอาหาร ขนส่ง และก่อสร้าง

ในระยะต่อไป ภาวะการเข้า-ออกธุรกิจของไทยยังมีความเสี่ยง เพราะยังมีแนวโน้มที่จะมีการปิดกิจการอีกมากจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจยืดเยื้อโดยเฉพาะกลุ่มที่มีสภาพคล่องทางการเงินไม่เพียงพอ หรือมีภาระหนี้สูง นอกจากนี้ความเชื่อมั่นที่ลดต่ำลงจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะทำให้การเริ่มธุรกิจใหม่ถูกชะลอออกไปอีกด้วย

2 15

ขณะเดียวกัน ยังอาจมีสาเหตุอื่นในเชิงโครงสร้างที่ทำให้กิจการไทยมีจำนวนน้อยลงในระยะยาว เช่น การกระจุกตัวของยอดขายในธุรกิจขนาดใหญ่น้อยราย ที่มักส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของธุรกิจหน้าใหม่ลดน้อยลง หรือแนวโน้มการลดลงของการเป็นผู้ประกอบการในกลุ่มคนอายุน้อย การลดลงของธุรกิจหน้าใหม่นี้มีแนวโน้มส่งผลให้การเติบโตของระดับผลิตภาพและการขยายตัวของการลงทุนของภาคธุรกิจลดต่ำลงในระยะยาว

ในภาวะวิกฤติ การศึกษาในต่างประเทศจากบทความ “How to Survive a Recession and Thrive Afterward” ในวารสาร Harvard Business Review ชี้ว่าในภาวะเศรษฐกิจขาลงธุรกิจยังสามารถเอาตัวรอด หรือกระทั่งเติบโตได้หากมีการเตรียมพร้อมรับมือที่ดี โดยธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการบริหารการเงิน โดยเฉพาะการลดหนี้และการเพิ่มสัดส่วนเงินสด เพื่อทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้และยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการลงทุนอีกด้วย

3 2

ในด้านการบริหารคน การพิจารณาการปลดคน อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเสมอไป เพราะแม้จะช่วยลดต้นทุน แต่จะทำให้พนักงานที่เหลืออยู่เสียกำลังใจซึ่งจะกระทบผลิตภาพ รวมถึงอาจจะหาคนทดแทนยากช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ธุรกิจจึงอาจพิจารณาทางเลือกแบบชั่วคราว เช่น การลดชั่วโมงทำงาน หรือการให้พักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง (leave without pay) เป็นต้น

หากยังพอมีกำลัง ธุรกิจควรใช้โอกาสในการลงทุนด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนการผลิต การลงทุนในด้าน data analytics ที่จะช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างในภาวะวิกฤติได้ดีขึ้น ทั้งนี้การลงทุนในเทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มความว่องไว (agility) ให้กับองค์กรมากขึ้นสำหรับการปรับตัวทั้งในช่วงเวลาที่แย่และช่วงที่กลับมาฟื้นตัว

Avatar photo