Marketing Trends

เศรษฐกิจชะลอ องค์กร ‘ลดต้นทุน’ สร้างโอกาสโต ‘สยามราชธานี’

สยามราชธานี ชี้ธุรกิจเอาท์ซอร์สเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว หลังภาครัฐ เอกชน สนใจใช้บริการ หวังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุนองค์กร เตรียมโรดโชว์ 2 จังหวัด เหนือ-ใต้ ให้ข้อมูล สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

นายไกร วิมลเฉลา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจรมากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า ธุรกิจบริการจัดหาบุคลากร หรือเอาท์ซอร์ส (Outsourcing Services) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการที่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ สนใจใช้บริการเพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สยามราชธานี

ทั้งนี้เห็นได้จากข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Electronic Government Procurement: e-GP) ที่พบว่า วงเงินงบประมาณและมูลค่าการทำสัญญาของโครงการการจัดซื้อจัดจ้างประเภทจ้างทำของและจ้างเหมาบริการมีมูลค่ามีการเติบโตทุกปี โดยในปี 2561 มีวงเงินงบประมาณดังกล่าวจำนวน 202,221 ล้านบาท และมีมูลค่าที่ทำสัญญาแล้ว 192,815 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 74,469 ล้านบาท และ 69,241 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 58 และร้อยละ 56 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับผลสำรวจของ Monitor Deloitte และ Dubai Outsource City ที่คาดการณ์ว่า มูลค่าการใช้บริการเอาท์ซอร์ส ของโลกมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อเนื่อง ในช่วงปี 2562-2566 จากกว่า 6.03 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 เป็นกว่า 7.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566

ขณะเดียวกัน บริษัทยังเน้นการให้บริการที่หลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services) แบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ประเภท คือ ธุรกิจบริการบริหารจัดการ และ ธุรกิจบริการแลภูมิทัศน์ และ 2. ธุรกิจให้เช่าและบริการ แบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจบริการรถยนต์ให้เช่า และ ธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงาน

so people

สำหรับตัวอย่างลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัท มีทั้งเอกชนรายใหญ่ เช่น บมจ.ปตท., บมจ.การบินไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารออมสิน, บมจ.ท่าอากาศไทย, บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.ไทยออยล์, บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์, รพ.บำรุงราษฎร์, รพ.กรุงเทพ, บจก.ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือบริษัทข้ามชาติอย่าง เชฟรอน, บริดสโตน, ชาแนล ไปจนถึงค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า, ฮอนด้า, มิตซูบิชิ, นิสสัน เป็นต้น

ในส่วนของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การไฟฟ้านครหลวง, การประปาส่วนภูมิภาค, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงวัฒนธรรม, สำนักงานประกันสังคม, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, การประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น

landscapemanagement

ด้านนายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจําหน่ายหุ้น กล่าวว่า SO มีบริการสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย และสามารถนำความต้องการของลูกค้ามาพัฒนาต่อยอดบริการใหม่ได้ในทุกภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ตลอดระยะเวลา 40 ปี ที่บริษัทดำเนินธุรกิจ สามารถสร้างกำไรได้ทุกปีและมีผลดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้จากในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 1,670.27 ล้านบาท กำไรสุทธิ 138.35 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 1,732.32 ล้านบาท กำไรสุทธิ 116.11 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้รวม 1,850.88 ล้านบาท กำไรสุทธิ 101.01 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือน ปี 2562 มีรายได้รวม 929.10 ล้านบาท และกำไรสุทธิปี 48.04 ล้านบาท

“ในเร็วๆ นี้ SO จะนำเสนอข้อมูลทิศทางการดำเนินงาน จุดแข็งและโอกาสการเติบโตในอนาคตให้แก่นักลงทุนทั่วไป 2 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งปริมาณการซื้อขายและจำนวนนักลงทุน คือ เชียงใหม่และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจ”นายคมกฤตกล่าว

data solutions 01

 

สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้มีจำนวนไม่เกิน 85 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.42 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบ่งเป็นขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 76.5 ล้านหุ้นและเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน ของบริษัทจำนวนไม่เกิน 8.5 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียนในการขยายกิจการเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ปัจจุบัน SO มีทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 310 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท มีทุนที่ออกและชำระแล้ว 225 ล้านบาท หรือ 225 ล้านหุ้น โดยมีครอบครัววิมลเฉลาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

Avatar photo