Marketing Trends

เจาะเทรนด์โลก 2568 เปิดพฤติกรรมคน 5 Gen ที่แบรนด์ต้องเข้าใจและรับมือ

CEA เจาะลึก 5 ไฮไลต์สำคัญคน 5 Gen ในปี 2568 จากอีบุ๊ก “เจาะเทรนด์โลก 2568” อินไซต์พฤติกรรมความต่างตามช่วงวัย ที่แบรนด์ต้องเข้าใจและรับมือ

ความรวดเร็วของเทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร วิกฤตในด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความไม่แน่นอน ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ล้วนเป็นตัวเร่งให้มุมมองความคิดและพฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะ พฤติกรรมการบริโภค

พฤติกรรม

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าหลายกระแสมาเร็วไปเร็ว พฤติกรรมต่าง ๆ เริ่มมีความปัจเจกและมีความเฉพาะตัว อีกทั้งยังเกิดปรากฏการณ์ในแต่ละเจเนอเรชันที่ต้องเร่งศึกษา ทำความเข้าใจ และนำมาปรับใช้ทั้งในภาคธุรกิจ เศรษฐกิจ ภาคสังคม ไปจนถึงระดับบุคคล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นโอกาสที่สำคัญต่อการสร้างแรงบวกในการเติบโต และยังช่วยให้ทุกคนพร้อมรับมือกับโลกแห่งอนาคตอีกด้วย

โครงการ คิด Creative Thailand ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ชวนเจาะลึก 5 ไฮไลต์สำคัญของคนในแต่ละรุ่นที่สะท้อนถึงพฤติกรรมและการบริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2568 จากอีบุ๊ก เจาะเทรนด์โลก 2568 หรือ Trend 2025 BEYOND IMAGINATION ที่รับรองได้เลยว่ารู้ก่อน วางกลยุทธ์ได้ไวกว่า และก้าวได้ไกลกว่าใครอย่างแน่นอน

Baby Boomer (2489-2507) ฮิปสเตอร์วัยเกษียณ

ผลสำรวจจาก Pew Research Center เผยข้อมูลสำคัญว่า เจนบูมเมอร์กว่า 85% เช็กสมาร์ทโฟนและออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน และกว่า 31% ออนไลน์อยู่ตลอดเวลา และกลุ่มบูมเมอร์ยังเป็นกลุ่มที่สามารถปรับตัวเข้าหาระบบออนไลน์ และ e-commerce ได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

กลุ่มบูมเมอร์โดยเฉพาะผู้ที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในสินค้ากลุ่มสมาร์mโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อัจฉริยะ (smart device) ที่ช่วยตรวจจับข้อมูลสุขภาพ โดยคนกลุ่มนี้อาจจะมีกำลังซื้อมากถึง 15.9 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568

ความสนใจด้านสุขภาพของกลุ่มบูมเมอร์ยังสะท้อนผ่านกลุ่มสินค้า และบริการที่พวกเขาให้ความสนใจด้วย โดยรายงานจาก Worldpanel ชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มสินค้าที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้น่าจะสนใจมากที่สุด คือสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มที่เกี่ยวกับการดูแลร่างกายและความสวยความงาม ส่วนกลุ่มบูมเมอร์ที่มีกำลังซื้อสูงอาจจะมองไปถึงเทคโนโลยี ด้านเวชศาสตร์การชะลอวัย

วัยเกษียณ

นอกจากนี้ มุมมองของกลุ่มบูมเมอร์ยังอยากจะปล่อยจอยด้วยการลองใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยของ Geena Devis Institute และ Nextfifty ที่ได้สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง วัยบูมเมอร์เกี่ยวกับกิจกรรมที่พวกเขาสนใจ โดยคนกลุ่มนี้สนใจการเดินป่า แคมป์ปิ้ง เดินเล่นตามชายหาดตามสไตล์หนุ่มสาวฮิปสเตอร์ แต่ในแบบที่พรีเมียมมากกว่า

ดังนั้นธุรกิจ ผู้ประกอบการหรือนักการตลาดที่ยังมองว่าการโฆษณาออนไลน์นั้นมุ่งเป้าเฉพาะผู้บริโภคมิลเลนเนียลและเจนซี อาจจะต้องปรับมุมมองที่มีต่อกลุ่มบูมเมอร์กันใหม่ เพราะคนกลุ่มนี้ก็คือ ฮิปสเตอร์วัยเกษียณ ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมออนไลน์เช่นเดียวกัน

การออกแบบการสื่อสาร อาจจะต้องเน้นการสร้างภาพลักษณ์ผู้สูงอายุที่ทันสมัย แต่ควรต้องหลีกเลี่ยงศัพท์สแลงที่วัยรุ่นมากเกินจนทำให้พวกเขารู้สึกแปลกแยก และเลือกใช้การผลิตคอนเทนต์วิดีโอที่มีคำบรรยายขนาดใหญ่ สั้น กระชับ เข้าใจง่าย ก็จะยิ่งโดนใจวัยบูมเมอร์มากที่สุด

Generation X (2508-2523) สนามอารมณ์วัยเก๋า

สาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มเจนเอ็กซ์กลายเป็นสนามอารมณ์ของยุคนี้ เป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่กลุ่มบูมเมอร์เริ่มลดบทบาทลง และกลุ่มเจนเอ็กซ์กลายเป็นกลุ่มคน
ที่มีอำนาจแทนทั้งในแวดวงวงธุรกิจและอิทธิพลทางการเมือง

แต่สิ่งที่เจนเอ็กซ์แตกต่าง คือการรับมือกับภาวะดังกล่าวที่ดีกว่าบูมเมอร์ ทำให้การตอบโต้ของคนเจนเอ็กซ์จะเน้นไปที่การอธิบาย การรับฟังเพื่อให้เกิดการแก้ไขไปในแนวทางที่ดีขึ้น หรือ เลือกที่จะนิ่งเฉยมากกว่าการปะทะจนเกิดปัญหา

ในโลกการทำงาน คนกลุ่มนี้ยังสามารถปรับตัวได้เก่ง เข้าใจการใช้เทคโนโลยีได้ดี และมีความมั่นคงทางอารมณ์มากกว่า รับมือกับสถานการณ์ในสังคมที่ทำงานได้ดีกว่าคนเจเนอเรชันอื่น ๆ อีกด้วย ส่งผลให้คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยระดับพรีเมียมในลำดับต้น ๆ

แม้จะเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดอดออม เพราะพวกเขาเข้าใจความคุ้มค่าจากการบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีกว่า ทนทานมากกว่า จึงยอมที่จะจ่ายเงินมากขึ้น เพื่อแลกกับการสร้างประสบการณ์การจับจ่ายที่ดีกว่าทั้งในแง่การให้บริการและคุณภาพของสินค้า

การทำการตลาดเพื่อสื่อสารความคุ้มค่าและทนทานจึงเป็นเรื่องจำเป็น รวมถึงโปรแกรมสมาชิกและสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าประจำที่จะช่วยดึงลูกค้าเจนเอ็กซ์ให้มีความจงรักภักดีกับแบรนด์ (Brand Loyalty) โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับความงามซึ่

ผู้หญิงในเจนนี้ไม่ได้อยากจะอ่อนวัย ดูเด็ก แต่พวกเธอเชื่อในความงามที่หลากหลาย ทั้งสีผิว เชื้อชาติ รูปร่าง หรือสีผม และยังยึดถือแนวคิดความงดงามตามวัยที่ส่งเสริมให้ผู้คนมีความงามตามวัยในรูปแบบของตนเอง เป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ความพยายามที่จะลดอายุของตนเองจนเกินจริง จึงพร้อมที่จะสนับสนุนและเลือกซื้อสินค้าที่สะท้อนภาพลักษณ์ผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูดี มั่นใจ และมีความสุข

เบบี้บูม

ส่วนการออกแบบการสื่อสารที่จะตรงใจวัยเจนเอ็กซ์ได้มากที่สุด จะต้องเข้าใจภูมิหลังของคนเจนนี้ ว่าเป็นกลุ่มคนที่ก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านจากยุคแอนาล็อกมาสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จึงทำให้คนเจนเอ็กซ์มีความต้องการที่จะย้อนระลึกความทรงจำ (Nostalgia)

ดังนั้น นักการตลาดหรือนักโฆษณาที่ต้องการจะสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้บริโภคเจนเอ็กซ์ อาจจะต้องเลือกออกแบบการสื่อสารที่อ้างอิงกับวัฒนธรรมป๊อปในยุค 70 80 และ 90 เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายวัยเก๋าในยุคดิจิทัลได้มากขึ้น

Millennials (2523-2538) คนเหนื่อย 2568 

วิกฤตวัยสามสิบ (Tri-Life Crisis) เป็นชะตากรรมร่วมของกลุ่มคนมิลเลนเนียล ที่ต้องเผชิญทั้งความเครียดจากการทำงาน ความคาดหวังต่อความมั่นคงทางการเงิน การสร้างครอบครัว และกรอบความสำเร็จอีกมากมายที่ต้องทำให้ได้ในช่วงวัย 30 ปี

นั่นจึงทำให้หลายแบรนด์ที่เริ่มจับสัญญาณนี้ได้ทัน จึงออกแคมเปญทางการตลาดเพื่อส่งเสริมแนวคิดนี้ อย่างเช่นแบรนด์ Tracksmith ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์การวิ่งซึ่งได้ออกแคมเปญเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าทำลายสถิติการวิ่งของตนเองในแต่ละฤดูกาล เพื่อรับส่วนลดการซื้อสินค้าในฤดูกาลถัดไป เป็นต้น

ภาวะความเครียดและกดดันจากวิกฤตวัย 30 ยังส่งผลให้คนมิลเลนเนียลสนใจการดูแลตนเองโดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาวะ ทำให้สินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกอย่างเช่นยิม 24 ชั่วโมง สวนสาธารณะที่เปิดในช่วงดึก รวมถึงบาร์ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารสุขภาพยามค่ำคืน ฯลฯ กลายเป็นสิ่งที่คนเจนนี้มองหา และยังส่งผลไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่คนกลุ่มมิลเลนเนียลนิยม เช่น เน้นการสร้างบาลานซ์ให้ชีวิตด้วยการแบ่งเวลาการทำงานและใช้ชีวิตให้สมดุลมากที่สุด และการท่องเที่ยวพักผ่อน

CEA ภาพประกอบบทความประชาสัมพันธ์ 7

วิกฤตวัย 30 ที่คนเจนนี้ต้องเผชิญยังส่งอิทธิพลต่อความคิดและมุมมองของคนมิลเลนเนียลที่ต้องการความอิสระในชีวิตมากยิ่งขึ้น ทำให้อัตราการหย่าร้างของคนในเจนนี้มีมากที่สุด รวมถึงกลุ่มประชากรที่เป็นโสด ที่คาดว่าจะมีจำนวนคนโสดในช่วงอายุ 25-44 ปีมากขึ้นถึง 45% ภายในปี 2573

นอกจากอิสระในการใช้ชีวิตแล้ว อิสระในการจับจ่ายใช้สอยก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตา เพราะคนในกลุ่มนี้นิยมการใช้จ่ายผ่านธุรกรรมออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว และสามารถออกแบบสินค้าในรูปแบบ personalized หรือ การออกแบบการจ่ายเงินอย่างการใช้ระบบ Buy Now Pay Later ได้อย่างอิสระ

ประเด็นสำคัญที่แบรนด์ นักการตลาด และนักโฆษณาต้องคำนึง คือคนเจนนี้มักจะนำแบรนด์ที่ชื่นชอบมาชี้วัดความเป็นตัวตน หรือสะท้อนภาพลักษณ์ของตนเองอย่างมาก อีกทั้งคนในเจนนี้ยังสนใจประเด็นทางการเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง การออกแบบการสื่อสารของแบรนด์จึงจะต้องเน้นภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดูดีเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ ของพวกเขา พร้อมกับการเชื่อมโยงเรื่องราวของแบรนด์กับประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

Gen Z (2539-2554) ผู้ปั้นเทรนด์ในโลกดิจิทัล 

สำหรับคนช่วงวัย 20 ปี ที่เพิ่งจะก้าวสู่โลกการทำงาน ต้องเจอกับวิกฤต First Job Crisis ภาวะการณ์ปรับตัวเข้ากับสังคมและการทำงานไม่ทันท่วงทีหลังโควิด-19 ระบาด ทำให้กลุ่มเจนซีกลายเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่จะถูกคัดออกจากที่ทำงานหากบริษัทจำเป็นต้องลดจำนวนคน

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เจนซีมองหางานที่อิสระ และยังตอบโจทย์ความสนใจของตนเองได้ จึงได้ผันตนเองเป็นออนไลน์ครีเอเตอร์ ติ๊กต็อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์บนโลกโซเชียลมีเดียมากขึ้น นั่นจึงทำให้ผู้ที่เป็นคนปั้นเทรนด์ในโลกดิจิทัลนั้นกลายเป็นคนในกลุ่มเจนซี

รายงานวิจัย Social Media Behavior โดย YPulse ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า คนเจนซีนั้นเปรียบเสมือนคนพื้นเมืองของโลกดิจิทัล โดยเฉพาะเจนซีในช่วงอายุ 18-24 ปีนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเทรนด์และไวรัลบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมากถึง 71% อีกทั้งยังเป็นกลุ่มบุคคลที่นำเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปใช้สำหรับการต่อยอดสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตประจำวันอีกด้วย

thumbnail CEA ภาพประกอบบทความประชาสัมพันธ์ 9

แม้ว่าเจนซีจะเป็นพลเมืองสำคัญของโลกดิจิทัล แต่ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะยึดโยงชีวิต กับความเป็นดิจิทัลตลอดเวลา ในทางกลับกันบางส่วนกลับมองว่า โซเชียลมีเดียทำให้พวกเขารู้สึกเหงามากขึ้น จึงทำให้เกิดพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เรียกว่า JOLO หรือ Joy of Logging Off ที่คนเจนซีเริ่มลดการใช้งานโซเชียลมีเดียลง และเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันมากขึ้น เช่น การออกไปคาเฟ่กินอาหารอร่อย ๆ กับกลุ่มเพื่อน การเข้าร่วมกิจกรรมตามชุมชนใกล้บ้าน การทำเวิร์กช็อป หรือการวางแผนท่องเที่ยว

ในด้านการจับจ่ายใช้สอย กลุ่มเจนซีเลือกที่จะจับจ่ายใช้สอยอย่างสมเหตุ สมผลและมองถึงความคุ้มค่าด้านราคา และคุณภาพ จึงทำให้คนกลุ่มนี้สนใจสินค้าแฟชั่นมือสอง และแฟชั่นจากแบรนด์ในประเทศมากขึ้น

นอกจากนี้แล้วกลุ่มเจนซียังนิยมที่จะใช้จ่ายเพื่อใช้บริการแอปพลิเคชันที่ช่วยพัฒนาตนเอง และการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่นการสมัครใช้ ChatGPT การสมัครใช้แอปพลิเคชันเพื่อฝึกภาษา หรือแอปพลิเคชันผู้ช่วยทางธุรกิจ เป็นต้น

ALPHA (2553-2567) ผู้กุมชะตาโลกอนาคต 

แม้กลุ่มอัลฟายังไม่ใช่ผู้มีอำนาจการซื้อหลักในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ก็นับเป็นกลุ่มที่แบรนด์ นักการตลาด และนักโฆษณาจะต้องเริ่มให้ความสนใจ เพราะในปี 2568 กลุ่มอัลฟาจะมีจำนวนถึง 2.2 พันล้านคน และจะกลายเป็นกลุ่มเจเนอเรชันที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และอีก 5 ปีถัดไป เจนอัลฟารุ่นแรกจะมีอายุครบ 20 ปี ซึ่งพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน และเริ่มมีอิทธิพลในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

shutterstock 2440569277

ทั้งนี้ เจนอัลฟ่านับเป็นกลุ่มที่เติบโตกับโลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ทำให้เจนนี้มีความใฝ่ฝันที่จะทำงานในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากที่สุด และในอนาคตอาจจะมีตำแหน่งงาน หรืออาชีพอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกดิจิทัลที่จะพร้อมรองรับให้เจนอัลฟาเข้าสู่โลกการทำงานแบบเต็มตัวได้

นอกจากการเป็นพลเมืองดิจิทัลเต็มขั้นแล้ว เจนอัลฟายังเติบโตมากับภาวะสังคมที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ภาวะโรคระบาด ปัญหาทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต รวมไปถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้พวกเขาสนใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ทั้งในด้านสุขภาวะและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้คนมีความสุข และมีชีวิตที่ยืนยาวมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น จึงมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มเจนอัลฟาจะกลายมาเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจ และอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ สุขภาวะ และสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยเลือกประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจที่มุ่งเป้าส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความเป็นอยู่ทางสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo