หลังจากศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1030/2560 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2561 ให้เพิกถอนคำสั่ง ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ พณ 0305/2526 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2560 ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดี คือบริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด เป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2560 ยกเลิกการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐให้แก่บริษัทฯ และริบหลักประกันซองเสนอซื้อของบริษัทฯ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 442/2561
ซึ่งตามคำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด เป็นผู้มีคุณสมบัติการเป็นผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐได้ และส่งผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ไม่มีสิทธิริบหลักประกันซองเสนอซื้อตามหนังสือค้ำประกันของธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาคิวเฮ้าส์ลุมพินี เลขที่ 539/2560/00001/002 ลงวันที่ 27 เมษายน 2560 จำนวนเงิน 25,000,000 บาท (ยี่สิบห้าล้านบาท)
นายสุเมธ เลิศตันติสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด กล่าวว่าบริษัทฯได้มีหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีคำสั่งถึงกรมการค้าต่างประเทศให้จำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐตามสิทธิและปริมาณที่บริษัทฯ ได้เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดในการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐ ตามประกาศคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ เรื่องการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ครั้งที่ 1/2560 ให้กับบริษัทฯ โดยมีคำสั่งเรียกให้บริษัทฯ เข้าไปทำสัญญาโดยด่วน และคืนหนังสือค้ำประกันซองเสนสอซื้อให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐและบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอีก เพราะหากมีความล่าช้าในการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าว ภาครัฐจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก และบริษัทฯ ก็จะได้รับความเสียหายเกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ หากเกิดความล่าช้าดังกล่าว บริษัทฯ จะพิจารณาใช้สิทธิตามกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งต่อไป
