การที่ไทยมีความแข็งแกร่งในหลายๆ อุตสาหกรรม และการที่รัฐบาลนี้เดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจคมากมาย ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ในแวดวงต่างๆ ต้องตามติด และโดดร่วมวงไพบูลย์ตามสายที่ถนัด หากไม่ถนัดก็จับคู่ดูโอกันจ้าละหวั่น การลงทุนสะพัดนับแสนล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มปตท. เฉพาะในปี 2562 กลุ่มเดียวลงทุนกว่า 450,000 ล้านบาท จากบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) 130,000 ล้านบาท และบริษัทในเครือ 320,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อลุยลงทุนโปรเจคยักษ์นับสิบโครงการ ไม่นับรวมการเข้าประมูล 3 โครงการยักษ์ ทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ,โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกอีกนับแสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้บริหารสูงสุดของทั้ง 7 บริษัท ร่วมกันแถลงข่าวถึงทิศทางการลงทุนของกลุ่มปตท.ในปี 2562 และใน 5 ปีข้างหน้า โดยในปีนี้เม็ดเงินลงทุนรวมของกลุ่มพุ่งสูงถึง 450,000 ล้านบาท โดยมาจากกลุ่มบริษัทปตท.ดังนี้
- บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) หรือ จีพีเอสซี 140,000 ล้านบาท
- บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) 130,000 ล้านบาท
- บริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. 60,000 ล้านบาท
- บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีซี 50,000 ล้านบาท
- บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 40,000 ล้านบาท
- บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) 30,000 ล้านบาท
ปตท.ลุยโครงสร้างพื้นฐาน
ในส่วนบริษัท ปตท. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯ กล่าวว่าในปีนี้ ปตท.มีแผนลงทุนรวม 130,000 ล้านบาทจากงบลงทุน 5 ปี 350,000 ล้านบาท
โครงการหลักปีนี้ จะเป็นโครงการขยายคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่หนองแฟบ จังหวัดระยอง และท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 เชื่อมต่อตะวันออกไปตะวันตก
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาระบบโลจิสติกส์ทั้งหมด เพื่อหาโอกาสเข้าไปลงทุนในอนาคต รองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ที่จะทำให้คาบสมุทรอินโดจีนมีการเชื่อมโยงและเติบโตไปด้วยกันทั้งหมด ทั้ง รถไฟรางคู่ การขนส่งทางเรือ และราง ซึ่งการศีกษาแผนการเข้าไปลงทุนของปตท.จะแล้วเสร็จในกลางปี และจะนำเสนอคณะกรรมการบริษัทต่อไป
โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่กลุ่มปตท.ทั้งหมดให้ความสำคัญ มีแผนทุ่มงบลงทุนในพื้นที่นั้นในระดับ 300,000-400,000 ล้านบาท
จีพีเอสซีเดินหน้าซื้อโกลว์ให้สำเร็จ
ทางด้าน จีพีเอสซี นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
และโครงการลงทุนศูนย์ผลิตสาธารณูปการกลาง แห่งที่ 4 (CUP-4) รูปแบบ SPP (Cogeneration Facilities) กำลังการผลิตไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อรองรับลูกค้านิคมอุตสาหกรรม
ปตท.สผ.ปักหลักลงทุนไทย-ภูมิภาค
บริษัทปตท.สผ. นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า หลังจากนี้ ปตท.สผ.เน้นการลงทุนในประเทศ จากการชนะประมูลแหล่งเอราวัณ และบงกช และลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ทั้งพม่า มาเลเซีย อินโดนนิเซีย โครงการหลักเป็นโครงการ Gas to Power ในพม่า ซึ่งน่าจะได้ข่าวดีเร็วๆนี้ ส่วนการลงทุนในตะวันออกกลางยังรักษาระดับไว้ ทั้งที่โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะต้นทุนต่ำ
ในส่วนจีซี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีนี้บริษัทได้วางงบลงทุนไว้รวม 140,000 ล้านบาท หรือปีละ 40,000 ล้านบาท สำหรับปี 2562 ลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท
โครงการหลักเป็นการลงทุน โครงการส่วนขยายปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษในพื้นที่อีอีซี ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ (ORP: Olefins Reconfiguration Project) โครงการผลิตสารโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide Project) และโครงการผลิตสารโพลีออลส์ (Polyols Project) รวมถึงโรงงานรีไซเคิลพลาสติก มูลค่าการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
ไทยออยล์เร่งปรับปรุงโรงกลั่นเข้ามาตรฐานยูโร 5
บริษัทไทยออยล์ นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทฯ กล่าวว่า โครงการหลักในการลงทุนของบริษัทปีนี้ เป็นการเร่งลงทุน โครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ซึ่ง เป็นโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตน้ำมันไปสู่ยูโร 5 รวมทั้งเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบจากเดิมที่ 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยโครงการใช้ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี กำหนดการจะแล้วเสร็จในปี 2565 แต่จะเร่งรัดให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษให้กับประเทศ
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าน้ำมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเท่านั้น แต่จะต้องทำพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพด้วย เพื่อให้กระบวนการเผาไหม้มีความสมบุรณ์ จึงจะช่วยลดค่าฝุนได้จริง
หัวเรือคนใหม่ไออาร์พีซีขอเรียนรู้งาน
บริษัทไออาร์พีซี นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯ ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นวันแรก ได้ออกตัวขอพูดสั้นๆและขอเรียนรู้งานก่อน โดยระบุถึงแผนการทำงาน ว่าจะสานต่อการทำงานของนายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญคนก่อน ที่จะทำให้ไออาร์พีซี ก้าวสู่ระดับ Top Quartile ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีในปี 2563 ภายใต้ยุทธศาสตร์ Everest และ Everest Forever
โดยมุ่งเน้นปรับปรุงสิทธิภาพทั้งองค์กร และการนำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ รวมถึงการสร้างมุลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โครงการลงทุนหลักเป็น โครงการ Maximum Aromatics (MARS) มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังผลิตอะโรเมติกส์ โดยจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตพาราไซลีนเป็น 1.1-1.3 ล้านตันต่อปี และเบนซีน 3-5 แสนตันต่อปี คาดว่าแล้วเสร็จปี 2566 และโครงการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ 5 ปี (2562-66) ที่ตั้งไว้รวมทั้งสิ้น 70,000 ล้านบาท
ขณะที่ บริษัท ปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด หรือ พีทีที
โดยระบุในหลักการเพียงว่า ธุรกิจขายปลีกน้ำมันจะมีสัดส่วนในการทำรายได้ลดลง ส่วนธุรกิจขายปลีกอื่นในปั๊มจะมีบทบาทมากขึ้น และขยายไปต่างประเทศทั้งในรูปปั๊ม เช่น ที่กัมพูชา และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นที่จีน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของปตท.ได่รับการตอบรับเป็นอย่างดี รวมถึงการปรับปั๊มน้ำมันจาก ปั๊มน้ำมันปตท.ที่คนชื่นชอบ เป็น “ปั๊มที่คนรักด้วย” หรือ Living Community ทำให้ปั๊มปตท.ทุกๆที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนแทน ที่จะรับแต่นักท่องเที่ยวเข้าออกเท่านั้น และจาก Selling Point เป็น Destination หมายถึง เป็นพื้นที่ที่ชุมชนจะตั้งใจเดินเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆกับปตท.โดยมีปั๊มปตท.เป็นศูนย์กลาง
“เราจะเป็นแขนขาของปตท.ในการดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม ” นายอรรถพล กล่าว
