Economics

‘สภาผู้ส่งออก’ ลุ้นส่งออกปีนี้ขยายตัว 8% หลัง 8 เดือนโตแล้ว 11%

“สภาผู้ส่งออก” ลุ้นส่งออกโต 8% จากเป้าหมายที่คาดไว้ 6-8% หลังช่วง 8 เดือนขยายตัวได้กว่า 11% แนะติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า ภาวะการส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.65) ขยายตัวได้กว่า 11% ส่วนช่วงอีก 4 เดือนที่เหลือ (ก.ย.-ธ.ค.65) ถึงแม้ว่าการส่งออกจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเลย การส่งออกของปีนี้ก็ยังขยายตัวได้ถึง 7% แต่หากช่วง 4 เดือนที่เหลือสามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 24,300 ล้านดอลลาร์ จะทำให้การส่งออกในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% จากเป้าหมายที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6-8% ซึ่งในครั้งต่อไปน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สภาผู้ส่งออก

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่

1. สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าสำคัญทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศสหรัฐ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อส่งผลให้

1.1. เศรษฐกิจของสหรัฐมีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ก่อให้เกิดความกังวลต่อนักลงทุนและคู่ค้ากับสหรัฐ

1.2 อัตราผลตอบแทนในการถือเงินดอลลาร์สูงขึ้น อุปสงค์เงินดอลลาร์มากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จึงเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อเนื่องถึงสกุลเงินอื่น ๆ ทั่วโลก (Currency baskets) ให้ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกันไทยอาจเสียเปรียบจากการส่งออกไปยังตลาดอื่นที่มีค่าเงินอ่อนค่ากว่า โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาของไทยลดลง

สภาผู้ส่งออก

2. ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูงจากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ ปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐปรับตัวลดลง ประกอบการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า (FT) ภายในประเทศส่งผลต่อเนื่องถึงต้นทุนภาคการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและต้นทุนในการดำรงชีวิตภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก

3. ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เหล็ก ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน แป้งสาลี อาหารสัตว์ ปุ๋ย เป็นต้น

ทั้งนี้ สรท. มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่

1. ควรเร่งส่งออกในช่วงค่าเงินบาทอ่อน แต่ต้องติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้เหมาะสม

สภาผู้ส่งออก

2. ด้านพลังงานและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น

2.1 ขอให้ภาครัฐช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไป โดยอยากให้ขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 35 บาทไปจนถึงสิ้นปี

2.2 ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (FT) ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป

3. ขอให้เร่งแก้ไขปัญหากฎระเบียบด้านการถ่ายลำ (Transshipment) เพื่อดึงดูดเรือแม่เข้ามาให้บริการแบบ Direct Call ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรับส่งสินค้า รวมถึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าระวางเรือให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้

” 2 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้เกิน 8% คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในวันที่ 16 ต.ค. 65 จะมีนโยบายทางเศรษฐกิจอข่างไร กับเรื่องปัญหาขาดแคลนชิปคลี่คลาย” นายชัยชาญ กล่าว

สำหรับกรณีเงินบาทอ่อนค่านั้น คงจะไม่ช่วยให้ไทยได้เปรียบเรื่องการแข่งขัน เพราะค่าเงินในภูมิภาคปรับตัวอ่อนค่าเช่นกัน โดยคาดว่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 4 จะอยู่ที่ระดับ 37.0-38.50 บาท/ดอลลาร์ แต่มีความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะปรับตัวอ่อนค่าไปมากกว่านี้ ขณะที่การส่งออกในหมวดอาหารจะได้รับโอกาสจากวิกฤติอาหารโลก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo