Economics

‘ชัชชาติ’ จ่อเปิดสัญญาสายสีเขียวให้ประชาชนรู้ ลั่นค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องชัด!

“ชัชชาติ” ยันการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวคืบหน้า รู้แล้วจุดไหนมีปัญหา จ่อเปิดสัญญาให้ประชาชนรับรู้ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ย้ำ!! ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องชัด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า คืบหน้าไปพอสมควร เพราะเราได้รู้ประเด็นแล้วว่าจุดไหนมีปัญหา และต้องลงในรายละเอียดระหว่างกรุงเทพธนาคม กับบริษัทเอกชน ที่จะต้องเจรจาว่าสามารถลดอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วน กทม. เองก็ต้องดูเรื่องหนี้เป็นหลักตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่าจะต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ได้ก่อน

รถไฟฟ้าสายสีเขียว

อย่างไรก็ตาม หนี้ของเรามี 3 ส่วน คือ หนี้ระหว่าง กทม. กับ รัฐ ตรงนี้ไม่ได้กังวลมาก เพราะถึงอย่างไรก็กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา หนี้ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และหนี้เรื่องค่าเดินรถโดยเฉพาะในส่วนสัญญาที่ 2 ซึ่งต้องดูว่าสัญญาขบวนการมันครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องทำให้ครบเสียก่อนที่จะเริ่มจ่ายหนี้ เราก็ต้องเอาให้ชัดเจนเสียก่อน ทำอย่างตรงไปตรงมา และต้องไปดูเรื่องสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 2572-2585

“อย่างที่ตนบอกว่า อยากเปิดเผยให้ประชาชนทราบ แต่ต้องเอาเรื่องกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากในสัญญาเขียนไว้ว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะเว้นแต่กฎหมายบังคับ และบังเอิญว่าองค์กรผู้บริโภคขอมาแล้วจะเอาตรงนี้เป็นจุดที่จะบอกว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ โดยจะอ้างอิงจากพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวของสารราชการ ถ้าข้อมูลใดที่ประชาชนขอมา ให้ได้ก็ต้องให้ เพราะประชาชนเป็นเจ้าของเงินที่เราต้องจ่ายเอกชนอยู่แล้ว เป็นเงินภาษีประชาชน และถ้าเปิดเผยได้จะสรุปให้เสร็จเลยว่า ค่าใช้จ่ายการเดินรถเป็นเท่าไหร่” นายชัชชาติ กล่าว

รถไฟฟ้าสายสีเขียว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ทั้งนี้ การเปิดเผยดังกล่าว คงไม่ต้องหารือกระทรวงมหาดไทยเนื่องจากเป็นสัญญาระหว่าง กทม. คือ กรุงเทพธนาคม กับเอกชน

เมื่อถามว่า หากจะเปิดข้อมูลต้องให้คู่สัญญายินยอมด้วยหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า คงต้องปรึกษากันอีกครั้ง เพราะคู่สัญญาของกทม. ไม่ใช่บริษัทเอกชน เราต้องถามกรุงเทพธนาคมก่อน แล้วกรุงเทพธนาคมกับคู่สัญญาก็ไปว่ากันอีกที เพราะเราก็ขอเอกสารในฐานะผู้ถือหุ้นของกรุงเทพธนาคม เราขอเอกสารในนามผู้ถือหุ้น การเซ็นสัญญาเกิดขึ้นระหว่างกรุงเทพธนาคมกับเอกชน ไม่ใช่ กทม. เป็นคนเซ็น แต่เราต้องรับผิดชอบ จึงต้องดูให้ละเอียดและได้สรุปตัวเลข และค่าใช้จ่ายไว้แล้ว เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นตัวเลขที่นำมาพิจารณาเรื่องค่าโดยสาร

“เราต้องเก็บค่าโดยสารให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เรามีสัญญากับเอกชนไว้ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญ เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญว่าเท่าไหร่ ดังนั้นเราจะบอกว่าค่าโดยสารจะ 20 บาท 30 บาท สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าเราจะต้องจ่ายเขาเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ” นายชัชชาติ กล่าว

รถไฟฟ้าสายสีเขียว

เมื่อถามว่า จะใช้เวลาอีกนานหรือไม่กว่าจะเคลียร์ตรงนี้ได้ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเรื่องนี้เริ่มปี 2572-2585 ยังมีเวลา ยกเว้นส่วนที่เดินรถในปัจจุบัน คือส่วนหนึ่งและส่วนสอง ส่วนหนึ่งคงแก้ไขอะไรได้ยากเพราะมีสัญญาระหว่าง กทม. กับกรุงเทพธนาคม และกรุงเทพธนาคม กับเอกชน แต่ส่วนสอง เรามอบหมายกรุงเทพธนาคม แล้วกรุงเทพธนาคมไปจ้างเอกชน ก็ต้องมาดูความเชื่อมโยงว่าครบถ้วนหรือไม่ เรื่องเวลาจึงไม่ใช่เงื่อนไข ทั้งนี้เวลามีเงื่อนเดียวคือเรื่องหนี้เพราะเป็นหนี้ที่ดอกเบี้ยเดินอยู่แต่เรื่องสัญญาเดินรถ จริงๆแล้วหัวใจคือสัญญาสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 2572-2585 ซึ่งปัจจุบันเรายังมีเวลาอีก 6-7 ปี

เมื่อถามว่า เรื่องรถไฟฟ้าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีได้เมื่อใด นายชัชชาติ กล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่ ครม. แต่ทางเราก็ต้องให้ความเห็นประกอบไป เชื่อว่าอีกไม่นานเพราะตอนนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจนแล้วเพราะทำงานมา 1 เดือนแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เคยระบุว่า มีความหนักใจตอนนี้เบาใจขึ้นบ้างหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่หนักใจ คือ หนักใจว่าภาระตกไปที่ประชาชน เพราะมีเงื่อนของการเซ็นต์สัญญาอยู่แล้วจะเป็นอย่างไรจะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหนเพราะบางอย่างเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่สัญญาเซ็นไปแล้ว ก็จะมีขบวนการของกฎหมายอยู่ว่าจะทำอย่างไร

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo