“กระทรวงพลังงาน” ยืนยัน ราคาน้ำมันไทยเทียบประเทศเพื่อนบ้าน ยังถือว่าอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางต่ำ และมีการวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนวอนประชาชนเข้าใจสถานการณ์
วันนี้ (4 มิ.ย.) นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงานกล่าวว่า จากที่สถานการณ์ราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และผันผวนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด กระทรวงพลังงานได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบริหารด้านราคา เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด
หากเปรียบเทียบราคาน้ำมันของไทย กับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนจะพบว่า ราคาน้ำมันของไทยอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางต่ำ จะมีเพียงมาเลเซีย กับบรูไนที่สามารถขายน้ำมันได้ในราคาถูกเนื่องจากสามารถผลิตน้ำมันได้เองในประเทศ
ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาที่มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนไปแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 29 พ.ค. 65)
สำหรับกระแสข่าวที่มีการช่วยเหลือเฉพาะน้ำมันดีเซลนั้น เนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนในภาคขนส่ง ที่ส่งผลกระทบต่อสินค้า และบริการในภาพรวม แต่กระทรวงพลังงานก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือกับกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านโครงการวินเซฟ ช่วยค่าน้ำมันแก่ผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์เดือนละ 250 บาท เบื้องต้นเป็นระยะเวลา 3 เดือน
ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านราคาพลังงานต่อประชาชนในระยะต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของปริมาณสำรองน้ำมันของประเทศในปัจจุบันมีประมาณ 60 วัน ซึ่งมีความมั่นคงในการรองรับสถานการณ์ต่างๆ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีรถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเติมน้ำมันฝั่งไทย เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลมีราคาที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้น กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และได้ประสานความร่วมมือกับกรมศุลกากรในการตรวจสอบเพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมันออกนอกประเทศ
อย่างไรก็ดี อยากขอให้ประชาชนเข้าใจในสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ และกระทรวงพลังงานก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือ และหามาตรการเพื่อลดผลกระทบให้เกิดกับประชาชนน้อยที่สุด
ในส่วนของนักเศรษฐศาสตร์ก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว รศ.ดร.ชโยดม สรรพศรี อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความคิดเห็นว่า ที่ไหนที่มีสินค้าที่ราคาถูกกว่า ก็เป็นธรรมชาติที่ผู้บริโภคจะไปจับจ่าย
สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ การนำรถข้ามแดนมาเติมน้ำมันไม่ผิดกฎหมายใด ๆ (เท่าที่ทราบ) และเป็นเรื่องปกติที่ทำมาก่อนราคาน้ำมันขึ้นเสียอีก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันในวันนี้มีการอุดหนุนด้วยเงินรัฐบาลไทย ถ้าหากเพื่อนบ้านมา “ขนน้ำมัน” กลับไปขายนั้นไม่เป็นการสมควร จึงต้องมีการกำกับดูแล ไม่ให้เกิดการขนน้ำมัน ไปขายในต่างประเทศ
การขนน้ำมันไปขายดังกล่าว ก็อาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายการนำเข้าของเพื่อนบ้านเอง สำหรับรถที่เข้ามาเติมน้ำมัน อาจมีการจับจ่ายซื้อสินค้าอื่น ๆ ด้วย เพราะราคาสินค้าบ้านเรายังต่ำกว่ามาก ก็ถือเป็นการกระตุ้นยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย
ขณะที่ รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า การที่รถจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเติมน้ำมันก็ทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเราด้วย ที่สำคัญคือสถานีบริการของไทย อาจต้องจัดคิว และบริหารจัดการให้ดี ไม่ให้กระทบหรือสร้างความไม่สะดวกให้กับลูกค้าที่เป็นคนไทย
รศ.ดร.ปิติ บอกด้วยว่า ปริมาณน้ำมันที่เข้ามาเติม คงไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงด้านพลังงาน แต่อาจต้องระวัง เรื่องรถดัดแปลงที่เข้ามาขนน้ำมันเถื่อน ซึ่งต้องมีการกวดขันอย่างเข้มงวด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ยุคน้ำมันแพง เทียบให้ชัด ‘รถอีวี VS รถน้ำมัน’ มีดี-ต่างกันอย่างไร
- เศรษฐกิจฟื้น ดันยอดใช้ ‘น้ำมันเชื้อเพลิง’ 4 เดือน เพิ่ม 11.2% ‘ดีเซล’ พุ่งเกือบ 16%
- ‘ธนกร’ เทียบชัด ๆ ราคาน้ำมันไทยถูกกว่าอาเซียน ยันตรึงดีเซลไม่เกิน 32 บาท ถึง 29 พ.ค.นี้