“ส.อ.ท.” เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 79,451 คัน ลดลง 0.02% เหตุขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน ทำให้การส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 79,451 คัน ลดลง 0.02% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และลดลง 13.77% จากเดือนมกราคม 2565 จากการชะลอผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพราะขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน ทำให้การส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ขณะที่มีมูลค่าการส่งออก 45,539.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.65) อยู่ที่ 149,284 คัน ลดลง 2.81% จากช่วงเดียวกันของปี 64 แต่มีมูลค่าการส่งออก 88,312.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“เป้าส่งออกปีนี้ที่ตั้งไว้ 1 ล้านคันไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนชิปหรือไม่ เพราะรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตสินแร่ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชิปและแบตเตอรี่ ซึ่งทำให้ราคาสูงขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 50% ขอรอดูสถานการณ์อีก 1-2 เดือน” นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 155,660 คัน เพิ่มขึ้น 0.30% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเพิ่มขึ้น 2.58% จากเดือนมกราคม 2565 เนื่องจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศและผลิตส่งออกที่เพิ่มขึ้น 27.82% และ 10.95% ตามลำดับ แต่ยังผลิตรถยนต์นั่งลดลงจากการการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนในบางรุ่น และยังกังวลการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนที่อาจรุนแรงขึ้นจากสงครามยูเครนจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 307,407 คัน เพิ่มขึ้น 1.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยังคงเป้าการผลิตปีนี้ไว้ที่ 1.8 ล้านคัน
“ผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในยูเครนมีผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์แน่นอน ช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ที่ยังไม่เกิดเหตุก็มีผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิปอยู่แล้ว ต้องดูว่าสถานการณ์ยืดเยื้อหรือลุกลามบานปลายหรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้จะประเมินว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้ง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเร็วจากที่คาดไว้ว่าจะเป็นช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้” นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ อยู่ที่ 74,489 คัน เพิ่มขึ้น 7.25% จากเดือนมกราคม 2564 และเพิ่มขึ้น 26.3 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรัฐบาลอนุญาตให้จัดกิจกรรมด้านเศรษฐกิจมากขึ้น การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การรับประกันรายได้เกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่นคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ และงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ จะช่วยเพื่มยอดขายรถยนต์ในเดือนมีนาคม-เมษายน 2565 โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าการจัดงานปีนี้จะมียอดจองเกิน 3 หมื่นคัน
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงในเเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แบบแบตเตอรี่ (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 873 คัน เพิ่มขึ้น 137.23% แบบผสม (HEV) มีจำนวน 5,363 คัน เพิ่มขึ้น 35.81% และผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) มียอดจดทะเบียนใหม่ 957 คัน เพิ่มขึ้น 50.47% จากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยคาดว่ายอดจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้นจาก 1,900 คันในปี 2564 เป็น 4,000-5,000 คันในปีนี้ แต่ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานีชาร์จไฟที่ไม่เพียงพอ และราคาที่ยังสูงอยู่ หากมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาประมาณคันละ 6 แสนบาท มีความเป็นไปได้ที่ยอดจดทะเบียนปีนี้จะเพิ่มเป็น 8,000-10,000 คัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ยอดส่งออกรถยนต์เดือน ม.ค. ร่วง 5.80% ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 25.8%
- ยอดส่งออกรถเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 101,307 คัน สูงสุดในรอบ 9 เดือน ทั้งปีโตพุ่ง 30.35%
- ยอดส่งออกรถยนต์เดือน พ.ย. โตพุ่ง 32.60% ขณะที่ยอดขายในประเทศลดลง 3.2%