“กระทรวงพลังงาน” เปิด “วอร์รูม” เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ตามติดสถานการณ์ ป้องกันน้ำมัน-ก๊าซ-ไฟฟ้าภาคใต้ขาดแคลน สั่งแอลเอ็นจีลอยลำเพิ่มสำรองช่วงก๊าซอ่าวไทยหยุดผลิตแล้ว พร้อมสั่งซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาว-มาเลเซียปริมาณสูงสุด
กระทรวงพลังงงาน ออกแถลงการณ์รายงานความคืบหน้าสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก (PABUK) ต่อการผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ณ ปัจจุบัน ตัวเลขล่าสุดมีการอพยพเจ้าหน้าที่แล้ว 2,635 คน เหลือปฏิบัติหน้าที่อยู่ 246 คน การอพยพของเจ้าหน้าที่แต่ละบริษัทเป็นไปโดยสวัสดิภาพ โดยพายุอยู่ห่างจากแท่นบงกชประมาณ 500 กม. คาดว่าจะผ่านแท่นในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2562
ด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดผลิตเพิ่มเติม ข้อมูลล่าสุด ก๊าซธรรมชาติลดลงในปริมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็น 1 ใน 4 จากการหยุดผลิตของแหล่งบงกชเหนือ ขณะที่แหล่งบงกชใต้ หยุดซ่อมบำรุงตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมและน้ำมันดิบลดลงอยู่ที่ 27,000 บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตามในส่วนของแหล่งก๊าซธรรมชาติไพลินเหนือ สามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้งเร็วกว่าแผนหลังจากหยุดซ่อมบำรุง ทำให้มีก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเข้าระบบมากขึ้น รวมถึงในส่วนของก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มีความพร้อมจ่ายได้สูงสุด 1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
และในวันนี้เรือขนส่งแอลเอ็นจีได้เข้าเทียบท่าแล้ว สามารถส่งแอลเอ็นจีเข้าระบบได้ เมื่อรวมแอลเอ็นจีที่มีอยู่ในคลัง (Inventory) มีปริมาณรวม 10,800 ล้านลูกบาศก์ฟุต ทั้งนี้เรือลำถัดไปจะเทียบท่าในวันที่ 7 มกราคม 2562
ส่งผลให้ปริมาณสำรองแอลเอ็นจีมีมากเพียงพอในการรองรับสถานการณ์การหยุดผลิตจากพายุ รวมถึงสามารถจัดสรรก๊าซธรรมชาติให้กับภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี)ได้ตามแผน
ด้านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์ทั้งในส่วนของสถานีผลิตไฟฟ้าและระบบส่ง และสำรองจากเชื้อเพลิงอื่นเพิ่มมากขึ้น ทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา เพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ในปริมาณสูงสุด
นอกจากนี้ได้มีการประสานกับประเทศมาเลเซีย เพื่อขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน และจัดเตรียมอุปกรณ์หนักสำหรับแก้ไขปัญหาหากระบบผลิต และระบบส่งไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากพายุ
ขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมัน สำรองน้ำมันและจัดส่งให้เพียงพอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุ ในส่วนของก๊าซหุงต้มมีปริมาณเพียงพอสำหรับการใช้ของประชาชน
อย่างไรก็ตามขณะนี้กระทรวงพลังงาน ได้เปิดวอร์รุูม หรือ “ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน” มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยจะมอนิเตอร์สถานการณ์ 24 ชม. และหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกวันเป็นระยะ เพื่อติดตาม และรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณะต่อไปจนกว่าเหตุการณ์พายุปาบึกจะสงบ
