กรมชลประทานสั่งระดมเครื่องจักร-เครื่องมือ เตรียมพร้อมบรรเทาสาธารณภัยจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึก พร้อมเร่งพร่องน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ให้มีพื้นที่รองรับฝนที่จะตกหนักถึงหนักมาก บางพื้นที่อาจมีปริมาณฝนถึง 300 มิลลิเมตรต่อวัน

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ทั้งส่วนกลางและสำนักชลประทานที่ 14 15 16 และ17 ติดตามสถานการณ์น้ำ ทิศทางและความรุนแรงของพายุ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคใต้และรายงานตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับสิ่งที่ให้ปฏิบัติอย่างเร่งด่วน คือ การนำเครื่องจักร-เครื่องมือไปติดตั้งในทุกพื้นที่ทั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด รถ รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อลดผลกระทบสถานการณ์น้ำ จากอิทธิพลของพายุปาบึกให้เหลือน้อยที่สุด
กรมชลประทานมีจุดพักหลักเครื่องจักรกลที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส อีกทั้งมีจุดพักรองเครื่องจักรกลอีก 13 แห่งครอบคลุมทั้งภาคใต้ พร้อมเคลื่อนย้ายไปสนับสนุนเพิ่มเติมจากที่ได้ติดตั้งประจำในพื้นที่เกษตร เขตเศรษฐกิจ และเขตเมืองทุกจังหวัดแล้ว รวมทั้งพร้อมจะระดมจากทั่วประเทศมาได้ทันที หากมีความจำเป็น
นอกจากนี้ยังเร่งพร่องน้ำทั้งในอ่างเก็บน้ำ และลำน้ำต่างๆ ไว้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ โดยให้พิจารณาจากสถิติน้ำไหลลงอ่างในช่วงเกิดพายุและการคาดการณ์ปริมาณฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา แล้วนำมาเปรียบเทียบ เพื่อกำหนดช่องว่างของอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสม ตามปริมาณน้ำที่คาดว่าจะไหลลงอ่าง หากอ่างใดมีแนวโน้มจะล้น ให้เร่งพร่องน้ำออก
และได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งดูแลอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ให้พร่องน้ำด้านท้ายของลำน้ำเพื่อให้สามารถระบายน้ำจากฝนที่ตกลงมาได้สะดวก
จากการจัดทำแผนเผชิญเหตุล่วงหน้าพบว่า ใน 16 จังหวัดภาคใต้ มีพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และดินโคลนถล่ม 1,031 แห่ง ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังในเขตชลประทานมี 75 จุด ซึ่งก่อนหน้านี้มีอุปสรรคในการระบายน้ำได้แก่ มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ เส้นทางระบายน้ำแคบ โดยได้กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำแล้ว ขุดลอกลำน้ำ รวมทั้งขุดเจาะทำคลองลัด เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำครบทุกจุด
สำหรับพื้นที่เตือนภัยน้ำหลาก และดินถล่ม ซึ่งส่วนกรมทรัพยากรน้ำรับผิดชอบ 279 แห่ง ในส่วนกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย 576 แห่ง สิ่งกีดขวางทางน้ำ ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการ 45 แห่ง เป็นของกรมทางหลวง 10 แห่ง การรถไฟแห่งประเทศไทย 1 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 34 แห่ง และมีสิ่งกีดขวางทางน้ำเพิ่มเติมจากการสำรวจพื้นที่ 56 แห่ง จุดดังกล่าวกรมชลประทานได้เร่งแก้ปัญหา โดยนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ และเครื่องผลักดันน้ำไปเสริม เพื่อเร่งการระบายน้ำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับทางจังหวัด ปภ. จังหวัด และหน่วยทหาร ตามแผนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการติดตามสถานการณ์น้ำ การแจ้งเตือน การประชาสัมพันธ์ และการช่วยเหลือประชาชนซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักด้วยอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึกในระยะ 3 วันนี้ ( 3-5 ม.ค.)