Economics

ไทยผู้นำเวทีโลก ‘ลดก๊าซเรือนกระจก’

อากาศแปรปรวนทั่วโลก ฤดูไม่เป็นฤดูเหมือนเคย ทำให้ “โลกร้อน” เป็นชะตากรรมที่คนทั่วโลกต้องเจอเหมือนกันหมด Conference of the Parties ในอนุสัญญา United Nations Framework Convention on  Climate Change  (UNFCCC COP) การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24  เมื่อเร็วๆนี้จึงต้องดำเนินต่อไป เพราะ มีเรื่องที่หลายประเทศต้องทำต่อ เพื่อลดสถานการณ์โลกร้อน

20181227 160511

ดร. คุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เล่าว่าถึงการได้เดินทางไปพร้อมคณะของพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมร่วมกับรัฐภาคี 197 ประเทศ ซึ่งเรียกว่าแทบจะทุกประเทศในโลกเลยก็ว่าได้ที่มาประชุมคราวนี้

แต่ละประเทศล้วนมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา เพราะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว และจะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีผลมาจากการสะสมตัวของก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas) ที่มากเกินสมดุลในชั้นบรรยากาศโลก แน่นอนว่าเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์นั่นเอง

ย้อนกลับไปความตกลงประวัติศาสตร์ The Paris Agreement หรือ ข้อตกลงปารีส ในปี 2558 ที่ทุกประเทศภายใต้อนุสัญญา UNFCCC ได้บรรลุข้อตกลงเป็นเอกฉันท์ร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2°C ภายในศตวรรษที่ 21 และลดการเพิ่มของอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5°C เมื่อเทียบกับยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป

S 42139853

ต่อเนื่องมาถึงการประชุม COP24 ที่เมือง Katowice ทางตอนใต้ของโปแลนด์มีประเทศภาคี และกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เข้าร่วมหลายร้อยองค์กร โดยมีจำนวนผู้แทนประเทศที่เข้าประชุม ผู้สื่อข่าว ตลอดจนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมใน Side events ต่างๆ มากกว่า 22,000 คน

คนจากทั่วโลก มาทำอะไรจากการประชุม COP24 นี้ ดร.คุรุจิต อธิบายว่า ก็เพื่อตกลงกันใน Paris Agreement Work Programme  เพื่อแสดงเป้าหมาย และเจตจำนงของประเทศต่าง ๆ ที่จะลงนามกันไว้ใน Paris Agreement เรียกว่า Nationally Determined Contributions : NDCs

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2563-2573 จะนำไปปฏิบัติกันอย่างไร จะมี Work Programme หรือ Roadmap อย่างไรที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย ประเทศที่พัฒนาแล้ว จะช่วยประเทศกำลังพัฒนา ได้อย่างไรบ้าง ในการยกระดับความมุ่งมั่น (Ambition) ของการดำเนินแผนปฏิบัติการในด้านต่างๆ ได้แก่ การลดก๊าซเรือนกระจก (mitigation) การปรับตัว (adaptation) การเงินเพื่อช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate finance) ความร่วมมือทางวิชาการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และเสริมสร้างศักยภาพ (technical cooperation, technology transfer and capacity building) รวมถึงนวัตกรรมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ (Innovations) ที่จะมาช่วยโลกเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนี้

S 42139852 e1546406653253

ในการประชุม COP24 ก็ได้รับรอง ‘Katowice Climate Packageซึ่งเปรียบเสมือนเป็นคู่มือปฏิบัติ ( Implementation Guidelines ) ในการทำให้เป้าหมาย NDCs ของประเทศต่าง ๆ ที่แสดงเจตจำนงไว้ภายใต้ Paris Agreement เกิดผลในทางปฏิบัติ และยังรวมถึง 3 เรื่องในรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1.กระบวนการเพื่อ “กำหนดเป้าหมาย ของการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน” หรือ Climate Finance ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป นอกเหนือไปจากความพยายามในการจัดหาเงินทุนสนับสนุน ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

2.วิธีการ “ทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก” (Global Stocktake) เพื่อประสิทธิภาพในการประเมินผล ณ ปี 2566 เป็นต้นไป

3. กระบวนการ ประเมินความก้าวหน้าและผลลัพธ์ ของการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับ กลไกป้องกันการนับซ้ำของปริมาณลดก๊าซเรือนกระจก ตาม Article 6 ซึ่งยังมีความเห็นต่างกันในวิธีคิด และกระบวนการอยู่ ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศ ซึ่งก็คงจะต้องไปหาข้อสรุปให้ได้ภายในที่ประชุม COP25 ในปีหน้า

สำหรับประเทศไทยนั้น ดร.คุรุจิต เล่าว่า พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ ได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม COP24 เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่น และความก้าวหน้า ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย ตามที่ได้แสดงเจตจำนงไว้ ทั้งในกรณีของเจตจำนงเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของไทยก่อนปี พ.ศ.2563 หรือ NAMAs และเจตจำนงเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563-2573 ที่เรียกว่า Thailand NDCs เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายรวมของโลกตามความตกลง Paris Agreement 2015

จากการติดตามอย่างมีหลักวิชาการ พบว่า ล่าสุดในปี 2559 ประเทศไทยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้เทียบเท่า 45.72 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือลดลง 12 % จากกรณีฐาน (Business as Usual) และภายใต้แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย พ.ศ. 2564-2573 ในสาขาพลังงาน ขนส่ง การจัดการของเสีย และกระบวนการของอุตสาหกรรม ก็น่าเชื่อว่า ไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมาย NDCs ที่เสนอไว้ต่อสหประชาชาติว่า จะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20-25 % จากกรณีฐานได้อย่างแน่นอน

“ก็ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้ มุ่งมั่นและกล้าที่จะประกาศในเวทีโลกถึงเป้าหมายที่ท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย และยังมีแผนปฏิบัติการรองรับชัดเจน เช่น แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทย (พีดีพี) ที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่มากขึ้น” 

S 42139849

นอกจากนี้ ไทยยังเป็นเพียงหนึ่งในสองประเทศจากอาเซียน ที่ไปจัดกิจกรรม Side event ประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าของแผน และโครงการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนต่างๆ ในเวที COP24 นี้ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากหลายประเทศ และองค์กรความร่วมมือต่างๆ แวะมาฟังและสอบถาม

“ในภาพรวมมีความภูมิใจที่ได้เห็นรัฐบาลไทยแสดงความมุ่งมั่นในการทำตามเจตจำนง NDCs ที่เราให้ไว้กับ UN ภายใต้ Paris Agreement ถือว่าไทย ไม่น้อยหน้าประเทศใดในอาเซียน ในการลงมือร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บนหลักการความรับผิดชอบร่วมในระดับที่แตกต่างตามขีดความสามารถ (Common but differentiated responsibility and respective capability)

และการที่ไทยให้ความสนใจอย่างจริงจัง และมีแผนรองรับที่ชัดเจนอย่างนี้ รวมถึงโครงการต่างๆที่กำลังเดินหน้าของเรา อาทิ รถไฟฟ้า ความพยายามในการลด และกำจัดขยะอย่างถูกวิธี การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ป้จจัยเหล่านี้ จะทำให้ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมายหรืออาจได้มากกว่า

ทำให้หลายประเทศต่างโฟกัสมาที่ไทย และพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ อาทิ องค์ความรู้ และการฝึกอบรม เพื่อขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ เยอรมัน นอร์เวย์ สวิสเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น

ขณะที่ยักษ์ใหญ่ที่กลับไม่กระตือรือร้น จนทำให้ COP 24 แผ่วไป ดร.คุรุจิต ประเมินว่า น่าจะมาจากนโยบายของผู้นำประเทศแต่ละยุคสมัย และปัจจัยทางการเมือง  ทั้่งสหรัฐ บราซิล รวมถึงอียูเอง สาเหตุน่าจะมาจากการเบนความสนใจไปที่เรื่อง “ปากท้อง” ก่อน เพราะเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้กำลังตกต่ำ ส่วนซาอุดิอาระเบียไม่ให้ความสำคัญอยู่แล้ว ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก

จะเห็นได้ว่า “โลกร้อน” ไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยอื่นใด นอกจากความตั้งใจที่จะช่วยกันคนละไม้คนละมือลดผลกระทบของโลก จากน้ำมือพวกเรากันเอง “ไทย” แม้เป็นเพียงประเทศเล็กๆที่ไม่มีบทบาทใดในเวทีโลก แต่กลับแสดงความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ เราจึงเป็นประเทศที่มีคนจากทั่วโลกพร้อมให้การสนับสนุนในเรื่องต่างๆเสมอมา

Avatar photo