ราคาน้ำมันดิบลงแรงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันในปลายปี น้ำมันดิบดูไบลดจาก 80.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 คงเหลือที่ 49.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2561 หรือลดไปถึง 30.74 ดอลลาร์ภายในเวลา 3 เดือน ราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะอะไร…ต้องสาวดูไกลกว่านั้น
ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย อธิบายว่า ราคาน้ำมันเป็นสินค้าที่สะท้อนภูมิรัฐศาสตร์ ( Geopolitics ) ซึ่งหมายถึง “น้ำมันไม่สามารถแยกขาดจากกันได้จากปัจจัยความสัมพันธ์ระหว่างนานาชาติ และการเมืองของโลก ราคาน้ำมัน จึงผันผวนขึ้นลงตามปัจจัยการเมือง จึงคาดเดาราคาน้ำมันได้ยากมากขึ้น”
ในส่วนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตอนนี้ก็มีความแตกแยกสูงมาก เพราะขาดความสามัคคี ขณะเดียวกันซาอุดีอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกเจอศึกหลายด้าน นอกจากไม่ถูกกับอิหร่านแล้ว ยังมาเจอเหตุการณ์ที่ นายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย และคอลัมนิสต์วอชิงตันโพสต์ ถูกสังหารในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย ประจำนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อเดือนตุลาคม 2561
เหตุการณ์นี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียเพลี่ยงพล้ำ เป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องพึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐค้ำบัลลังก์ เพื่อลดความเสี่ยงถูกคว่ำบาตร โดยสหรัฐแลกกับการผลิตน้ำมันเพิ่มเพื่อพยุงเศรษฐกิจ เป็นที่มาให้ซาอุดีอาระเบียไม่จริงจังในการลดกำลังผลิต
ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดีทั้งในสหรัฐ ยุโรป ส่งผลให้ความต้องการไม่เพิ่มขึ้น เมื่อกำลังผลิตไม่ลดลง อีกทั้งรัสเซียก็ฉวยโอกาสเพิ่มกำลังผลิตอีก ปริมาณน้ำมันจึงยังคงล้นตลาดต่อไป ราคาน้ำมันจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าหากราคาน้ำมันยังแตะในระดับต่ำต่อไป บางแหล่งต้องหยุดการผลิต โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันหินดินดานของสหรัฐ (เชลล์ออยล์) ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าตะวันออกกลาง
“แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อแหล่งน้ำมันหลายแหล่งต้องหยุดผลิต เพราะไม่คุ้ม ก็จะมีผลให้ราคาน้ำมันดิบในปีหน้าจะทรงตัวในระดับนี้ หรือสูงขึ้น จะไม่ต่ำไปกว่านี้แล้ว” ดร.คุรุจิต คาดการณ์
ปี 2562 ก็ต้องเตรียมรับมือกับราคาน้ำมันที่จะเด้งกลับมาสู่ภาวะสมดุล ตอนนี้สัญญาณราคาสูงขึ้นมาแล้ว เมื่อราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์เริ่มผงกหัวขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 มาอยู่ 46.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 54.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 3-4 ดอลลาร์ หลังโอเปค และพันธมิตร เตรียมพร้อมจะจัดการประชุมนอกรอบ หากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถสร้างสมดุลในตลาดได้
ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอิรัก พร้อมจะให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตในเดือนเมษายน 2562
เมื่อเป็นอย่างนี้ ช่วงเวลาแห่งความสุขของคนไทย ที่ได้บริโภคราคาน้ำมันต่ำเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คงจะค่อยๆหมดลงเสียแล้วในไม่ช้า…
แต่อย่างว่าราคาน้ำมัน จะเรียกว่าสะท้อนตลาดโลกเสียทีเดียวคงไม่เชิง แตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละประเทศ
อย่างของไทย ในราคาน้ำมันหน้าปั๊มนั้น นอกจากเนื้อน้ำมันแล้ว ก็บวกเข้าไปทั้ง ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาลที่จัดสรรให้กับท้องถิ่น เก็บเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 เด้ง เป็นภาษีมูลค่าเพิ่มของราคาขายส่ง และของค่าการตลาด บวกกับค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน
ที่จะเก็บขึ้นๆ ลงๆ หน่อยก็นโยบายเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯของกระทรวงพลังงาน ที่แตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย และแต่ละช่วงเวลา ล่าสุดดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีนโยบายเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ให้ได้ 40,000 ล้านบาทภายในเดือนเมษายน 2562 จากปัจจุบันมีเงินสะสมอยู่ 29,000 ล้านบาทเพื่อไว้ดูแลราคาน้ำมันที่อาจกลับมาผันผวน
แต่ก็ยังมีอีกปัจจัยที่มีน้ำหนักแทรกแซงเข้ามาในปีหน้ามีผลต่อราคาน้ำมันขายปลีกบ้านเราอย่างใหญ่หลวง ก็คือ ปัจจัยจากการเมืองที่กำลังแข่งกันหาเสียงเอาใจประชาชนนั่นเอง