“ส.อ.ท.” เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 86.8 ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ชงรัฐยกระดับป้องกัน “โอไมครอน” เร่งฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 พร้อมแนะรัฐอย่าล็อคดาวน์
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 86.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.4 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยสนับสนุนดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ ภายหลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้นทั้งภาคการผลิต การค้า และการเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในด้านการส่งออกมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว
ขณะที่การอ่อนค่าของเงินบาท ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกและช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทย แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการยังเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ ขณะที่ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่คลี่คลาย
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,325 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนธันวาคม 2564 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน 67.3% และสถานการณ์ระบาดของโควิด 62.2% ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 55.1% สภาวะเศรษฐกิจโลก 44.0% สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 43.5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 40.8% และอัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 38.5% ตามลำดับ
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 95.2 จากระดับ 97.3 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) เริ่มระบาดในประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีความกังวลว่าหากมีการแพร่ระบาดรุนแรงในประเทศภาครัฐอาจพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งอาจส่งกระทบต่อการประกอบกิจการและฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
- เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 (Booster) ให้กับประชาชน เพื่อลดโอกาศการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) และลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อ
- ยกระดับการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุข ควบคู่ไปกับมาตรการด้านเศรษฐกิจ โดยไม่นำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
- การเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุข ศูนย์พักคอย สถานที่กักตัว และโรงพยาบาล ตลอดจนสำรองยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์รวมทั้งเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)
- เร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจและช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ในการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้กรอบความร่วมมือการเปิดเสรีการค้าตามข้อตกลง RCEP ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ฟื้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโอไมครอน
- ‘ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม’ ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีน
- โควิดเริ่มคลี่คลาย! ดันดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน