Economics

เดลตาฉุด!! ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ต่ำสุดในรอบเกือบ 23 ปี

โควิดฉุด!! ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคมต่ำสุดในรอบเกือบ 22 ปี 11 เดือน ชี้ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือนสิงหาคม 2564 ปรับตัวลดลงมาที่ 39.6 จากระดับ 40.9 ในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยดัชนีลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 11 เดือน นับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนตุลาคม 2541 เป็นต้นมา

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 33.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำ อยู่ที่ระดับ 36.3 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 48.6 โดยดัชนีปรับตัวลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับในเดือนกรกฎาคม 2564

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค

ปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่

  • ความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3-4 ตลอดจนการระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม ซึ่งกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคการท่องเที่ยว
    ความกังวลกับแผนกระจายวัคซีนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้เหลือโต 0.7-1.2%
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลด GDP ปีนี้เหลือโต 0.7%
  • ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง และการชุมนุมทางการเมืองในประเทศ
  • ผู้บริโภคกังวลต่อภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ปัญหาค่าครองชีพ
  • ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง

ขณะที่ปัจจัยบวก ได้แก่

  • การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จาก ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่อนุญาตให้บางกิจการกลับมาเปิดให้บริการได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
  • มาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านโครงการต่าง ๆ
  • สภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 7.5%
  • กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50%
  • การส่งออกเดือนกรกฎาคมขยายตัว 20.26%
  • การฉีดวัคซีนของโลกและการฉีดวัคซีนในประเทศที่เริ่มเป็นรูปธรรม
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค
ภาพจากเฟซบุ๊ก ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม ยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงย่ำแย่จากวิกฤตโควิด-19 ในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

ทั้งนี้ จากการที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิดรอบล่าสุด แสดงว่าผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศไทยและในโลกว่าจะส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคจะระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้

ขณะเดียวกัน จะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมามาตรการล็อกดาวน์มีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจบางประเภทต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบถึงการจ้างงาน ซึ่งผู้บริโภคต่างมีมุมมองที่แย่มากในส่วนนี้

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกมีความหวังว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ในอนาคต หลังจาก ศบค. ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเริ่มปรับตัวลดลงไม่มากเหมือนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังต้องติดตามของการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ การแพร่กระจายของโควิดรอบล่าสุดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องหรือไม่ รัฐบาลจะมีการประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติมหรือไม่และอย่างไร ตลอดจนรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตเพิ่มเติมหรือไม่และมากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ ประชาชนยังติดตามสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศว่า หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ไปแล้ว จะกลายเป็นการเมืองที่ลงสู่ถนนมากขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองจากกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาขับไล่รัฐบาล อีกทั้งปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งต้องจับตาสถานการณ์ในช่วงเดือนกันยายน และตุลาคมนี้

“ปัจจัยเหล่านี้ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวดีขึ้นจากระดับที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาที่ระดับ 0 ถึง -2% มาอยู่ในระดับ 0 ถึง 2% ได้ในปีนี้ ตอนนี้แม้จะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนนัก แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็มีแนวโน้มจะเริ่มกลับมา ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต เดิมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะ -2 ถึง 0% ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นเป็น 0-2% ได้ ซึ่งจะมีการทบทวนตัวเลขนี้อีกครั้งในเดือนต.ค.” นายธนวรรธน์ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo