เปิดกลยุทธ์ลงทุนทองคำ “YLG” แนะแบ่งทองขายทำกำไร แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัว ชี้เหตุระเบิดที่อัฟกานิสถาน – สถานการณ์โควิดยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไปต่อ
วายแอลจี เผย ราคาทองคำยังมีสัญญาณไปต่อหลังท้ายสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเหตุมีปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งผลประชุมเฟดที่แม้จะส่งสัญญาณลด QE ก่อนสิ้นปีแต่ยังห่างไกลการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เหตุการณ์ระเบิดที่อัฟกานิสถานและสถานการณ์โควิด ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไปต่อ ทั้งนี้ มองระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แนะนักลงทุนแบ่งขายกำไรบริเวณแนวต้าน 27,900 แล 28,050 บาท แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 27,600 -27,350 บาท
เฟดยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแบบก้าวกระโดดเมื่อท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงว่ามีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม การที่เฟดไม่ได้กำหนดเวลาการปรับลด QE ที่แน่นอนเพราะยังต้องจับตาดูทิศทางของการระบาดของโควิด ที่ยังน่าเป็นห่วง รวมการประชุมครั้งนี้ ไม่ได้ส่งสัญญาณโดยตรงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดีตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างเร็วในปลายปี 2566
นอกจากนี้ เหตุระเบิดที่กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย กองกำลังสหรัฐจึงเริ่มปฏิบัติการทางอากาศอีกครั้งทำให้เกิดความกังวลและส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยสนุนสนุนราคาทองคำจากกรณีที่นายหยิน หยูปิง รองผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า บิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ ไม่ใช่สกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่มีการสนับสนุนด้านมูลค่าที่แท้จริง
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นยังมีแรงส่งให้เคลื่อนไหวในทิศทางบวก แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยบวกใหม่เพิ่มเติมโดยในระยะสั้นจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ขณะที่การเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานสหรัฐในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้นำทิศทางราคาทองคำในระยะถัด ๆ ไป
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น นักลงทุนต้องการเข้าซื้อในช่วงนี้แนะนำให้รอจังหวะการย่อตัว สามารถใช้แนวรับที่ 1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,600 บาทต่อบาททองคำ และ 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,350 บาทต่อบาททองคำ ถ้าราคายืนระดับนี้ได้ก็มีโอกาสรีบาวด์ และแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรเป็นระยะหากราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุแนวต้านระยะสั้นที่ 1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทต่อบาททองคำ โดยจะมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 28,050 บาทต่อบาททองคำ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ราคาทองคำ ปิดตลาดร่วง 150 บาท เหตุค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง
- ราคาทองคำ เช้านี้ลดลง 50 บาท ตลาดสปอตร่วงจากแรงเทขายทำกำไร
- ดาวโจนส์ปิดลบจากขายทำกำไร ขณะน้ำมันขยับขึ้น ทองคำร่วง