จับตา!! ทิศทางราคาทองคำครึ่งปีหลัง ‘วายแอลจี’ ชี้สัญญาณยังเป็นบวก แม้นโนบายการเงินเฟดสร้างความเสี่ยงมากขึ้น แนะจับตา 5 ปัจจัยมีผลต่อราคาทองคำ
วายแอลจี เผยคงเป้าหมายราคาทองคำระยะยาวที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เผยการเคลื่อนไหวยังเป็นไปตามฤดูกาลทองคำที่มักปรับตัวลดลงในไตรมาส 1-2 และปรับตัวขึ้นในไตรมาส 3-4 แนะจับตา 5 ปัจจัย มีผลต่อทองคำ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศค่าเงินบาทอ่อนหนุนราคาทองในประเทศพุ่งแรงกว่าตลาดโลก ชี้เป็นจังหวะให้นักลงทุนสามารถแบ่งพอร์ตเก็งกำไรทองคำในประเทศได้
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ผ่านมาแม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง 6-7% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงขายหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนมิถุนายน ที่ส่งสัญญาณเตรียมถอนคันเร่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน
แต่ล่าสุดรายงานการประชุมชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจ “substantial further progress” สะท้อนว่า เฟดยังคงระมัดระวังในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่รอบของการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในแต่ละปีจะปรับตัวขึ้นไปในช่วงไตรมาสที่ 3-4 และจะเริ่มปรับลดลงในไตรมาสที่ 1-2 ทำให้อาจเห็นสัญญาณบวกอีกครั้งในครึ่งปีหลัง โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้ก็ยังถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี เมื่อต้นปี YLG ได้ให้เป้าหมายการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไว้ที่ 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาราคาทองคำก็เข้าไปใกล้เป้าหมายดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ จึงปรับตัวลดลงเพื่อสะสมกำลังอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ YLG ยังมองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบเป้าหมายดังกล่าวอีกครั้ง หากเฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหากการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้ารุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มจะปรับตัวมากขึ้น ราคาทองคำในตลาดโลก เพราะราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 32 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ทองไทยมีลุ้นแตะ 30,400 บาทต่อบาททองคำ หากราคาทองโลกแตะเป้า 1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในครึ่งหลังของปีนี้หลัก ๆ มาจาก 5 ปัจจัย ได้แก่
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีความกังวลเรื่องเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาด แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแม้จะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีพอที่จะทำให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การประชุมของเฟดในแต่ละครั้งจะส่งสัญญาณอย่างไรบ้าง เพราะหากเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หรือ เริ่มต้นลดวงเงิน QE เร็วกว่าคาด จะถือเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อการคาดการณ์เชิงบวกของราคาทองคำ
- การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา แม้ทั่วจะมีการกระจายวัคซีนอย่างแพร่หลาย แต่การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
- ค่าเงินสกุลหลัก ทั้งดอลลาร์ และยูโร เป็นสกุลเงินที่มีผลต่อการไหลเข้าออกของเงินลงทุนในตลาดทองคำ โดยราคาทองคำส่วนมากจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับดอลลาร์ และเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับยูโร แต่ก็มีบางครั้งที่ทองคำเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับดอลลาร์ เช่น กรณีที่นักลงทุนโยกเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งหมายถึง ทองคำ และดอลลาร์
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งหากผลตอบแทนเริ่มลดลงนักลงทุนก็เริ่มประเมินว่าเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีความเสี่ยง และจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย
- อุปสงค์ทองคำ ทั้งกระแสเงินทุนไหลเข้า-ออก กองทุน ETF ทองคำ อุปสงค์ทองคำกายภาพจากจีนและอินเดีย และแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลาง
ทั้งนี้ นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงครึ่งปีหลังนั้น มีคำแนะนำแบ่งพอร์ตการลงทุนเป็นการลงทุนทั้งในรูปแบบของทองคำตามราคาตลาดโลก และลงทุนทองคำในประเทศเพราะจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้การลงทุนทองคำในประเทศจะทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดี จึงสามารถแบ่งพอร์ตลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ราคาทองคำ เช้านี้ขยับขึ้น 100 บาท จากเงินบาทอ่อนใกล้ 33 บาท/ดอลลาร์
- ‘วายแอลจี’ ลุ้นราคาทองคำแตะ 1,900 ดอลลาร์ ระวังแรงขายทำกำไร
- ‘วายแอลจี’ เผยแนวโน้มราคาทองคำเดือน พ.ค. สดใส ยันระยะยาวเป็นขาขึ้น