ธปท. ประเมินเศรษฐไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น จากการระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ฉุดเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง แนะภาครัฐควรเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดและเร่งรัดเบิกจ่ายงบเพื่อประคองเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน โดยกนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าลงและไม่ทั่วถึงมากขึ้นจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกสาม รวมทั้งมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสาคัญในระยะข้างหน้าจากการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งส่งผลให้ฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนบางกลุ่มเปราะบางมากขึ้น
จึงควรเน้นมาตรการช่วยเหลือที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับปัญหา โดยกระจายสภาพคล่องในระบบ ธนาคารที่มีอยู่มากไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบให้ทั่วถึง ผ่านมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อควบคู่กับกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ รวมทั้งเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนได้อย่างตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำและอาจช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ไม่มาก
คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และพร้อมดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดในจังหวะที่เกิดประสิทธิผลสูงสุด
คณะกรรมการฯ จะติดตามตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
อ่านรายละเอียด รายงานการประชุมครั้งที่ 4/2564 จากการประชุมวันที่ 23 มิถุนายน 2564
นอกจากนี้ แม้คณะกรรมการฯ ประเมินว่าแรงกดดันต่อค่าเงินบาทลดลงตามแนวโน้มการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2564 แต่เห็นควรให้ผลักดันนโยบายการปรับ FX ecosystem อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับโครงสร้างของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทยในระยะยาว โดยคณะกรรมการฯ เห็นว่าการส่งเสริมให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันของไทยออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ ต่างประเทศเพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนเงินทุนเคลื่อนย้ายขาออกและทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายของไทยไหลเข้าออกอย่างสมดุลมากขึ้น
คณะกรรมการฯ เห็นว่าความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมี ความสาคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ โดยควรเร่งมาตรการจัดหาและกระจายวัคซีน ที่เหมาะสม เพื่อควบคุมไม่ให้การระบาดยืดเยื้อและลดต้นทุนต่อเศรษฐกิจ มาตรการการคลังมีบทบาทสาคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ภาครัฐจึงควรเร่งเบิกจ่ายมาตรการเยียวยาและมาตรการ พยุงเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นต่อเศรษฐกิจและดูแลตลาดแรงงานในจุดที่มีความเปราะบางอย่าง เพียงพอและต่อเนื่อง
ขณะที่นโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 และมาตรการอื่น ๆ ของสถาบันการเงิน เฉพาะกิจควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบให้ตรงจุด ลดภาระหนี้ และสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดย ธปท. จะติดตามความคืบหน้า และประเมินประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่ออย่างใกล้ชิด
ภายใต้กรอบการดาเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยจะติดตามปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ การกระจายและประสิทธิภาพของวัคซีน สถานการณ์การระบาดทั้งในและต่างประเทศที่อาจรุนแรงขึ้นจากการกลายพันธุ์ของไวรัส ความเพียงพอของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและ สินเชื่อที่ออกมาแล้ว โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- ยอดสะสมทะลุ 3 แสน! โควิดวันนี้ 6,519 คน ดับเพิ่ม 54 ราย ‘กทม’ ยังนำโด่ง 10 จังหวัดติดเชื้อใหม่สูงสุด
- คลินิกแก้หนี้ต่ออายุช่วยเหลือลูกหนี้ยาวถึงสิ้นปี 2564 ‘โควิดรอบ 3 หนัก’
- ‘สมช.’ จับตา 15 วันประเมินสถานการณ์โควิด ก่อนฟันล็อกดาวน์หรือไม่!