ผ่านไปแล้วสำหรับการยื่นซองประมูล โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (High-Speed Train) เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และการลงทุนที่เกี่ยวข้อง วงเงิน 224,544.36 ล้านบาท ซึ่งปิดฉากอย่างเป็นทางการไปเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561

จากผู้ซื้อซองประมูล (TOR) ทั้งหมด 31 ราย ท้ายที่สุดก็เหลือผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 2 กลุ่มตามคาด คือ “กลุ่มบีทีเอส VS กลุ่มซีพี”
1. กิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ที่มีบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นแกนนำ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 60%, บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ถือหุ้น 20% และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ถือหุ้น 20%
2. กิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ที่มีบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (CP) เป็นแกนนำ ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 70%, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ถือหุ้นรวมกัน 15%, China Railway Construction Corporation Limited (CRCC) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือหุ้น 10%, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ถือหุ้น 5%
“บิ๊กบีเอสอาร์” รวมพลัง แสดงความมั่นใจเต็มร้อย!
การยื่นซองครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กลุ่ม BSR ได้ลงทะเบียนยื่นเอกสารไม่ปิดผนึก ที่ทำการสำนักงานบริหารโครงการระบบรถไฟฟ้า (มักกะสัน) ซึ่งเป็นสถานที่ยื่นเอกสารเป็นรายแรก ในเวลา 11.11 น. จากนั้นช่วงบ่าย เวลา 14.38 น. ผู้บริหารกลุ่ม BSR ได้ตบเท้ามาแสดงพลังหน้าห้องยื่นซองประมูลด้วยตัวเอง
![]()
“บิ๊กบอส” ที่เดินทางมาประกอบด้วย “สุรพงษ์ เลาหะอัญญา-กวิน กาญจนพาสน์” จากเครือ BTS “ภาคภูมิ ศรีชำนิ”ผู้บริหารเบอร์หนึ่งจาก STEC และตัวแทนจาก RATCH
“สุรพงษ์ เลาหะอัญญา” กล่าวว่าต้องการมายื่นข้อเสนอซองที่ 1-4 ด้วยตัวเอง จากนั้นกลุ่ม BSR ได้ใช้รถหกล้อ 1 คันและรถตู้อีก 1 คัน ขนเอกสารจำนวนมากส่งยังสถานที่ยื่นซองประมูล พร้อมใช้รถกระบะอีก 1 คัน ขนส่งโมเดลการพัฒนามา ก่อนเดินทางมาก็ได้สักการะพระพรหมหน้าสำนักงานใหญ่ BTS เพื่อความเป็นศิริมงคล ส่วนความมั่นใจพกมาเต็ม 100 เพราะถ้าไม่มั่นใจ คงไม่มา
![]()
“เราก็ทำงานมาอย่างหนักตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมา ทำเต็มที่จนถึงวันนี้ เราคิดว่าเราทำทุกอย่างพร้อม แล้วก็ใช้มืออาชีพระดับโลก ผู้รับเหมาก็ใช้ผู้รับเหมาแถวหน้าของประเทศ หรือวันหลังเราได้โครงการ เราก็ต้องเปิดตัวพันธมิตรที่มาร่วมสนับสนุน ล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำทั้งนั้น มั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถทำได้สำเร็จ” สุรพงษ์ เลาหะอัญญา จากเครือ BTS กล่าวหลังเข้ายื่นซองประมูล
“เจ้าสัวน้อย” นำทัพ CP ยื่นประมูล
![]()
ขณะที่กลุ่ม CP มี “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นแม่ทัพในการประมูลครั้งนี้ พร้อมนำทีมผู้บริหาร เดินทางไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ณ พระลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ก่อตั้งกรมการรถไฟและพัฒนาเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในปัจจุบัน
จากนั้น เวลา 14.03 น. “ศุภชัย” ได้นำทัพกลุ่ม CP และพันธมิตร ลงทะเบียนยื่นซองประมูล โดยมีรถบรรทุกตู้ทึบ 1 คัน และรถปิคอัพตู้ปิดทึบอีก 1 คัน ขนส่งเอกสารและโมเดลการพัฒนามายังสถานที่ยื่นซองประมูล
![]()
“การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ไม่สูง แต่ถ้ามองในระยะยาวจริงๆ โครงสร้างพื้นฐานก็มักจะมีความมั่นคงต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นโครงการรัฐเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและนโยบายที่เป็นภาพรวม ถ้าเกิดอู่ตะเภาก็ดี อีอีซี เกิดการเชื่อมโยงของสายที่ไปทางอีสาน หนองคายขึ้นมา คิดว่าอีอีซีจะเป็นตัวผลักดันให้โครงการรถไฟก็มีความมั่นคงไปด้วย เราก็มีความมั่นใจต่อนโยบายภาครัฐและอยากแสดงการสนับสนุนในฐานะที่เป็นบริษัทไทย”ศุภชัย เจียรวนนท์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลังจากเดินทางมายื่นซองประมูล
“บีทีเอส” อุบไต๋แผนธุรกิจ เชื่อทีเด็ดอยู่ในซอง 4
สำหรับกิจการร่วมค้า BSR นับเป็นการรวมตัวของ“เอกชนชั้นนำในประเทศไทยจาก 3 อุตสาหกรรม” เริ่มจากหัวเรือใหญ่อย่าง BTS ที่เป็นบริษัทขนส่งมวลชนอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ภายใต้การนำของ“คีรี กาญจนพาสน์” มหาเศรษฐีอันดับ 23 ของประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.65 พันล้านดอลลาร์ ตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บในปี 2561

BTS มีนโยบายการจะใช้โครงการระบบขนส่งมวลชนเป็นแกนกลาง แล้วขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น BTS จึงได้ลงทุนในธุรกิจสื่อโฆษณาทั้งบนรถไฟฟ้าและแพลตฟอร์มอื่นๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการร่วมทุนระหว่าง BTS และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า รวมถึงมีธุรกิจบริการต่างๆ อยู่ในมือ
ด้าน STEC มีโปรไฟล์เป็นผู้รับเหมาอันดับ 3 ของประเทศไทย (เป็นรองแค่ ITD และ CK ที่จับมือกับกลุ่ม CP) ส่วน RATCH ก็เป็นเบอร์ต้นๆ ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง
“เรามีพาร์ทเนอร์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอันดับต้นๆ ของประเทศ ก็น่าจะสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ แล้วเราก็มีประสบการณ์ในการเดินรถมาแล้วถึง 19 ปีแล้ว แม้ว่าโครงการนี้จะเป็นรถไฟความเร็วสูงก็ตาม แต่โดยหลักการก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เราก็มั่นใจว่าเราน่าจะเป็นผู้เดินรถได้อย่างดี”
การรวมตัวกันระหว่าง BTS-STEC-RATCH ในนามกลุ่ม BSR ในช่วงก่อนหน้านี้ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กลุ่ม BSR สามารถคว้าสัมปทาน รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง อายุ 33 ปี วงเงินลงทุน 1 แสนล้านบาท มาครอบครองในปี 2560
BEM ซึ่งเป็นคู่ท้าชิงรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองขณะนั้น ก็ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี “วิธีการดูโมเดลธุริจของเราอาจสู้อีกกลุ่มไม่ได้ เช่น อีกกลุ่มอาจจะเสนอต่อสายสีชมพูไปถึงเมืองทองธานี ซึ่งเป็นโครงการเสริมที่ทำให้มีรายได้มากขึ้นและต้นทุนลดลง หรือเสนอต่อสายสีเหลือง มาถึงแยกรัชโยธินซึ่งเสริมให้มีรายได้มากขึ้น ตรงนั้นทำให้โมเดลธุรกิจดีขึ้น “ ปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ในเดือนธันวาคม 2559 หลังทราบว่า BTS ชนะการประมูล
การประมูลรถไฟความเร็วสูงรอบนี้ กลุ่ม BSR ยังฟอร์มทีมกันเหนียวแน่น พร้อมยื่นข้อเสนอซองที่ 4 หรือข้อเสนอพิเศษในการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ โดยข้อเสนอดังกล่าวอยู่ในซองสีน้ำตาลเล็กๆ เพียงซองเดียว แต่นี่อาจจะเป็น“ทีเด็ด” ของโมเดลธุรกิจกลุ่ม BSR ในการประมูลรอบนี้
![]()
ด้านรายละเอียดของข้อเสนอพิเศษก็มีการคาดเดาไปต่างๆ นานา เช่น BSR อาจขอขยายเส้นทางไปจนถึงตัวเมือง จังหวัดระยอง แต่กลุ่ม BSR ยังไม่ปฏิเสธที่ให้รายละเอียด รวมถึงยังอุบไต๋พาร์ทเนอร์ด้านอื่นๆ เช่น ด้านระบบอาณัติสัญญาณ ขบวนรถ ที่ไม่มีการแพร่งพรายรายชื่อแต่อย่างใด
“ซีพี” อวดพันธมิตรนานาชาติ
ด้านคู่แข่งอย่าง กลุ่ม CP และพันธมิตรก็มีโปรไฟล์ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน สำหรับเครือ CP ที่เป็นแกนนำ เป็นธุรกิจของตระกูลเจียรวนนท์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 30,000 ล้านดอลลาร์
แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านระบบขนส่งมวลชนโดยตรง แต่ CP ก็ศึกษาและต้องการจะเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงตั้งแต่หลายปีก่อน โดยช่วงต้นปี 2558 กลุ่ม CP และกลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) แสดงความสนใจจะลงทุนรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง CP ขอฝั่งตะวันออก เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง และไทยเบฟขอสายใต้ ช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน
นอกจากนี้ เชื่อว่า CP ย่อมมีโมเดลการลงทุนที่ไม่ธรรมดา เพราะสามารถกวาดพันธมิตรระดับท็อป ๆ จากในและต่างประเทศได้ครบทุกด้าน สำหรับผู้ถือหุ้นหลัก CP ได้จับคู่กับ ITD และ CK ซึ่งเป็นผู้รับเหมาอันดับ 1 และอันดับ 2 ของประเทศไทยตามลำดับ ขณะเดียวกัน ก็ได้ BEM ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CK ที่มีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้า 2 สายในกรุงเทพฯ มาร่วมด้วย
แต่ทีเด็ดน่าจะอยู่ที่สายสัมพันธ์กับฝั่งจีน ที่สามารถคว้าตัว” CRCC “ผู้ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศจีนและในระดับโลก ให้มาเป็นผู้ถือหลักในการประมูล โดย ” CRCC “ ดำเนินธุรกิจก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศจีนและนานาชาติ รวมถึงโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงนอกจากนี้ยังทำธุรกิจสำรวจ ออกแบบ และที่ปรึกษา, ผลิตอุปกรณ์, อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจด้านอื่นๆ ด้วย
” CRCC “ ถือว่ามีศักยภาพมหาศาลในการผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบินให้เกิดขึ้นจริง ปัจจุบันจีนก็เป็นประเทศที่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงยาวที่สุดในโลก ระยะทางมากกว่า 20,000 กิโลเมตร จีนสามารถผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเกือบทั้งหมดภายในประเทศ ด้วยต้นทุนต่ำ

สำหรับการพัฒนาพื้นที่มักกะสันในเชิงพาณิชย์ แม้จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด แต่ “เจ้าสัวน้อย” ระบุว่าจะพัฒนาให้เต็มศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่อย่าลืมว่า CP ก็มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ค่อนข้างครบวงจรและสามารถพัฒนาร่วมกับธุรกิจรถไฟความเร็วสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก อาหาร โทรคมนาคม ยานยนต์
แต่สิ่งที่CP เผยรายละเอียดออกมาก่อน คือข้อเสนอพิเศษซองที่ 4 ซึ่งไม่เกี่ยวกับราคา หรือผลแพ้ชนะของการประมูล แต่กลับเป็นแนวคิดในการตอบแทนสังคม (CSR) ที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มอยู่ไม่น้อย
“ผมเรียนว่าในซอง 4 ก็มีแนวคิดว่าเราอยากทำงานกับชุมชน แล้วก็พัฒนาเรื่องความยั่งยืน การที่เกิดรถไฟที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ตามหลักทั่วโลก คือทำให้เกิดการ กระจายความเจริญ แล้วก็นำไปสู่การพัฒนาท้องที่ในแต่ละท้องที่ อันนี้เป็นแผนที่เราจะทำคู่ขนานเรื่องการพัฒนาท้องที่และความยั่งยืน อันที่ 2 ที่ตั้งใจไว้ คือประชาชนที่เป็นผู้พิการ ถ้าเราได้ทำโครงการนี้ เราก็จะให้ผู้พิการได้ใช้โครงการนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อันนี้เป็นหลักใหญ่ที่เราอยากจะเห็นว่ารถไฟ ช่วยพัฒนาชุมชนและช่วยอำนวยความสะดวกจริงๆ” ศุภชัย ย้ำ
กลางเดือนธ.ค.รู้ผลแพ้-ชนะ
หลังจากยื่นซองเสร็จในบ่ายวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ต่อจากนี้การรถไฟฯ จะทยอยเปิดซองข้อเสนอ ถ้าไม่มีใครแพ้ฟาวล์ไปในซองที่ 1 ด้านคุณสมบัติ ข้อที่ 2 ด้านเทคนิค การรถไฟฯ คาดว่าจะเปิดซองที่ 3 ด้านราคา จะเป็นตัวตัดสินได้ระหว่างวันที่ 12-17 ธันวาคม 2561 หมายความว่าเราจะได้รู้รายชื่อผู้ชนะ กลางเดือนหน้าและจะส่งรายชื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนมกราคม 2562
รางวัลที่ผู้ชนะการประมูลจะได้รับ คือ สัมปทานอายุ 50 ปี ในการก่อสร้างและบริหารรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา, สิทธิ์ในการบริหารโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์, สิทธิ์ในการพัฒนาที่ดินมักกะสันและสถานีศรีราชารวม 175 ไร่
แต่ไฮไลท์ที่ดึงดูดนักลงทุน คงหนีไม่พ้นการพัฒนาที่ดินมักกะสันขนาด 150 ไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ผืนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในใจกลางกรุงเทพ ฯ