ผูู้รับเหมากระอัก ราคาเหล็กขึ้น เจอโควิดซ้ำ ทำค่าแรงพุ่ง วอนรัฐช่วยเหลือ ปรับราคากลางด่วน
จากภาวการณ์ผันผวนของราคาเหล็ก ที่เป็นส่วนประกอบหลักของงานก่อสร้าง ต้ังแต่ปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบันสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทาให้ผู้ประกอบการก่อสร้างประสบปัญหาต้นทุนที่ผันผวนสูงขึ้นอย่างผิดปกติ จากสถานการณ์ราคาเหล็กที่ขึ้นอย่างต่อเนื่องรุนแรงทั่วโลก และยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในระยะ ยาว
อีกทั้งการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ก็ได้ซ้ำเติมปัญหาให้กับภาค อุตสาหกรรมก่อสร้าง และกำลังจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมของประเทศอย่างหนักหน่วง
สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการก่อสร้างใน ประเทศ ได้รับการร้องเรียน จากสมาชิกผู้ประกอบการก่อสร้างจำนวนมาก ว่า ได้รับผลกระทบจาก ราคาเหล็กทุกประเภทมีการปรับตัวสูงขึ้น
การตรวจสอบพบว่า ราคาเหล็กมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ รุนแรง ตั้งแต่ปลายปี 2563 ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจ ของผู้ประกอบการก่อสร้าง ซึ่งผู้ประกอบการก่อสร้างไม่สามารถต่อสู้ และรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข้าซ้ำเติมผู้ประกอบการ ส่งผลกระทบ ต่อการบริหารจัดการโครงการ โดยเฉพาะการจัดการด้านแรงงานก่อสร้าง เนื่องจากการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานได้ทำให้เกิดขาดแคลนแรงงาน แรงงานต่างชาติไม่สามารถทำงานได้
อีกทั้งแรงงานไทย มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงปัญหาค่าแรง ที่สูงขึ้น การจัดการแคมป์ เพื่อลดความเสี่ยง ล้วนส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงมากขึ้นตามไปด้วย
ผลกระทบเหล่านี้ ทำให้การดำเนินโครงการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน อาจนำไปสู่การทิ้งงาน และการเลิกจ้างงาน ซึ่งปัจจุบัน ภาคการก่อสร้างมีการจ้างงานแรงงานกว่า 3 ล้านคน และเป็นที่เชื่อได้ว่า จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ประชาชน ภาควัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร และการขนส่ง ซึ่งงานก่อสร้างทั้งหมด นับเป็น 8-9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อน และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น สมาคมฯ จึงขอให้ภาครัฐ พิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และต่อเนื่อง ดังนี้
มาตรการเร่งด่วน
1. พิจารณายกเลิกส่วนต่างค่าปรับราคา (ค่า K) ± 4% จากสูตรการคำนวณค่าปรับราคา เป็นการ ชั่วคราว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 – ธันวาคม 2565 กับโครงการที่ยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ และ โครงการที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในอนาคต
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวได้เคยถูกพิจารณาโดย มติคณะรัฐมนตรีมาแล้ว เมื่อมีความผันผวนอย่างมากของวัสดุก่อสร้างในปี 2551
2. ขอให้พิจารณาใช้ฐานดัชนีราคา ในเดือนที่คิดราคากลางในการคำนวณค่า K แทนการใช้ดัชนีราคาในเดือนที่เปิดซองประกวดราคา เพื่อให้สะท้อนฐานดัชนีราคาที่ใช้ในการคิด
3. พิจารณาการคิดราคากลางให้สะท้อนกับราคาเหล็กเสริมคอนกรีตที่แท้จริงในท้องตลาด โดยใช้ราคาไม่เกิน 30 วันก่อนประกาศประกวดราคา
4. พิจารณา ทบทวนและกำหนดราคากลาง ให้กับโครงการก่อสร้างที่จะประมูลใหม่ ให้มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
5. พิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบจากปัญหาค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
6. พิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินการตามสัญญาให้กับโครงการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ ตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการในช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ของกรมบัญชีกลาง โดยไม่ใช้ดุลยพินิจ
7. พิจารณาเร่งรัดการเบิกเงินชดเชยค่า K ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ยื่นขอเบิกจ่ายเงินชดเชยมาตรการระยะยาว
มาตรการระยะยาว
1. พิจารณาเร่งรัดให้มีการปรับสูตรการคำนวณค่า K ให้สะท้อนโครงสร้างต้นทุนที่เป็นธรรม และใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ยกเว้นเก็บอากรเอดี เหล็กเมทัลชีท จากจีน-เกาหลี 6 เดือน ลดผลกระทบเหล็กราคาพุ่ง
- วอนตรึงราคาเหล็ก ‘พาณิชย์’ ถกรัฐ-เอกชน รื้อค่า K บรรเทาผลกระทบเหล็กแพง
- เปิดปม ‘เหล็กแพง’ จีนจำกัดส่งออก ตลาดโลกต้องการซื้อเพิ่ม ดันราคาวัสดุก่อสร้างพุ่ง 5.4%