เกษตรกรเฮ! ครม. เห็นชอบงบฯ 311 ล้านบาท เดินหน้า “ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2564” ตั้งเป้าครอบคลุมพื้นที่เกือบ 3 ล้านไร่
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (11 พ.ค.) ว่า ครม. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 วงเงินงบประมาณ 311.41 ล้านบาท ตามที่ กระทรวงการคลัง เสนอ
โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทดลองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยก่อน และรัฐบาลจะชดเชยเงินตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงิน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ธ.ก.ส. บวก 1 ในปีงบประมาณถัดไป เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐในการรองรับต้นทุนการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ทั้งนี้ โครงการ ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 เป็นโครงการต่อเนื่องจากปีการผลิต 2563 มีพื้นที่เป้าหมายรับประกันภัยโครงการปีการผลิต 2564 รวม 2.92 ล้านไร่
รายละเอียดประกันภัย “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์”
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 มีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
โดยการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2564 มีรายละเอียดรูปแบบ อัตราเบี้ยประกันภัย ความคุ้มครอง และระยะเวลาการจำหน่าย ดังนี้
1.อัตราเบี้ยประกันภัยพื้นฐานในส่วนที่ 1 (Tier 1) สำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีอัตราเบี้ยประกันภัย 160 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีพื้นที่เป้าหมายจำนวนไม่เกิน 2.8 ล้านไร่ ซึ่งจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจากภาครัฐ 96 บาต่อไร่ และลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจาก ธ.ก.ส. อีก 64 บาทต่อไร่
2.อัตราเบี้ยประกันภัยพื้นฐานในส่วนที่ 1 (Tier 1) สำหรับลูกค้าเกษตรกรทั่วไป มีอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับเขตพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ 150 บาทต่อไร่ เขตพื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง และความเสี่ยงสูง 350 บาทต่อไร่ และ 550 บาทต่อไร่ ตามลำดับ โดยมีพื้นที่เป้าหมายจำนวนไม่เกิน 6 หมื่นไร่ ซึ่งจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจากภาครัฐ 96 บาทต่อไร่
3.อัตราเบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจ (Tier 2) สำหรับเกษตรกรที่ต้องการเอาประกันภัยเพิ่มเติม เมื่อเอาประกันภัยในส่วน Tier 1 แล้ว โดยแบ่งอัตราค่าเบี้ยประกันภัยเป็น 3 อัตรา ตามระดับความเสี่ยงภัยในแต่ละพื้นที่ คือ 90 100 และ 110 บาทต่อไร่ โดยมีพื้นที่เป้าหมายจำนวนไม่เกิน 6 หมื่นไร่
4.วงเงินความคุ้มครองคงเดิม คือ วงเงินความคุ้มครองสำหรับ Tier 1 อยู่ที่ 1,500 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ 1. น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก 2. ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง 3. ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น 4. ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็ง 5. ลูกเห็บ 6. ไฟไหม้ 7. ช้างป่า สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 750 บาทต่อไร่ และวงเงินความคุ้มครองสำหรับ Tier 2 อยู่ที่ 240 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ประเภท และสำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 120 บาท/ต่อร่
กำหนดวันเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ จนถึงไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 และสำหรับกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้ง เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จนถึงไม่เกินวันที่ 15 มกราคม 2565 ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ด่วน! ‘ชาวสวนปาล์ม’ รีบขึ้นทะเบียนเกษตรกร เข้าร่วม ‘ประกันรายได้’ ปี 2564
- เกษตรกรต้องรู้!! ธ.ก.ส. ไฟเขียวขยายเวลารับทำประกันภัยข้าวนาปี 64
- ธ.ก.ส.เปิดรับประกันภัยข้าวนาปี เกษตรกรสนใจยื่นได้ผ่านแอป-สาขาทั่วประเทศ