“ประกันสังคม” รอรับเยียวยา 2 เด้ง เด้งแรก 2000 บาท จาก “ม33เรารักกัน เฟส 2” จากนั้นให้เลือกสมัคร “คนละครึ่ง” หรือ “ยิ่งช้อปยิ่งได้”
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุดมีมติเห็นชอบ มาตรการเยียวยาโควิด – 19 ระลอกที่ 3 หลายโครงการ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบ ประกันสังคม (ลูกจ้างเอกชน) ก็มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย
ความช่วยเหลือที่ผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ โครงการม33เรารักกัน เฟสที่ 2 สำหรับส่วนที่ 2 จะให้เลือกระหว่างโครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 3 หรือ โครงการยิ่งช้อปยิ่งได้
“ม33เรารักกัน เฟส 2” จ่าย 2000 บาท “ประกันสังคม”
ในมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนระยะเร่งด่วน ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบ ประกันสังคม จะได้รับเงินเยียวยาจากโครงการม33เรารักกัน เฟสที่ 2 จำนวน 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือรวมแล้ว 2,000 บาท
โดยวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.) กระทรวงการคลังจะเสนอให้ ครม. พิจารณาจ่ายเงินเยียวยา 2,000 บาทตามไทม์ไลน์ดังต่อไปนี้
- งวดที่ 1 วันที่ 24 พฤษภาคม 2564
- งวดที่ 2 วันที่ 31 พฤษภาคม 2564
ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 9.27 ล้านคน ซึ่งได้รับเงินเยียวจากโครงการ ม33เรารักกัน เฟสที่ 1 จะได้รับเงินเยียวยาเฟสที่ 2 แบบอัตโนมัติ และสามารถใช้จ่ายวงเงินได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ภายใต้งบประมาณ 18,500 บาท
วงเงินเยียวยา ม33เรารักกัน สามารถใช้วงเงินซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านค้า/ผู้ประกอบการ/บริการ ในร้านธงฟ้าที่ใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน หรือภายใต้โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราชนะ ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น.
ลักษณะกิจการที่สามารถเข้าร่วมโครงการก็มีหลากหลาย ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม, ธงฟ้า, กิจการ OTOP, สินค้าทั่วไป, โรงแรม/ที่พัก, สุขภาพ/ความงาม, ขนส่งสาธารณะ, รับเหมา/งานช่าง/ทำความสะอาด และสุขภาพ/การแพทย์
จากนั้นต้องเลือก “คนละครึ่ง VS ยิ่งช้อปยิ่งได้”
สำหรับระยะถัดไป เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด – 19 ระลอกเดือนเมษายน 2564 สิ้นสุดลง จะมีการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมด้วยการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและรายได้สูงจำนวน 2 โครงการ
โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบ ประกันสังคม สามารถเลือกเข้าร่วมโครงการใดโครงการหนึ่งดังต่อไปนี้
1.โครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 3 วงเงิน 3,000 บาท
รัฐบาลจะมอบวงเงินซื้อสินค้าให้ประชาชนทั้งหมด 3,000 บาทต่อคน โดยมีเงื่อนไขว่า รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าให้ 50% ของมูลค่าสินค้า แต่ไม่เกินวันละ 150 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
เบื้องต้นตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 31 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์เดิม 15 ล้านคน ซึ่งจะต้องเข้าไปกดยืนยันสิทธิ์หรือกดสละสิทธิ์ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง นอกจากนี้จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใหม่อีก 16 ล้านคนในเดือนมิถุนายน 2564
2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สูงสุด 7,000 บาท
รัฐบาลจะสนับสนุนอี-เวาเชอร์ (e – Voucher) ให้กับประชาชนที่ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และบริการ (ไม่รวมลอตเตอรี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าชสำหรับยานพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน) กับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 10 – 15% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวันและตลอดโครงการฯ ไม่เกิน 7,000 บาท
การใช้จ่าย อี -เวาเชอร์ ดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ต่อดังนี้
- ต่อที่ 1 ใช้จ่าย 1 – 40,000 บาทแรก จะรับ e-Voucher 10% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน
- ต่อที่ 2 ใช้จ่าย 40,001 – 60,000 บาท รับ e-Voucher 15% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อ คือ
- สัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีบัตรประชาชน
- ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ไม่ใช่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ไม่ใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งเฟส 3
ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com จากนั้นจะได้รับอี – เวาเชอร์ ดังกล่าวจากภาครัฐในเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 และสามารถนำไปใช้จ่ายได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2564 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการรวม 4 ล้านคน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ประกันสังคมอู้ฟู่! เปิดพอร์ตกว่า 2 ล้านล้าน ลงทุนทั้งหุ้น-ตราสารหนี้
- โควิดระลอกใหม่ อัพเดท ‘ประกันสังคม’ มีมาตรการเยียวยาอะไรบ้าง
- ‘ประกันสังคม’ เดือนเมษายน 2564 ส่งเงินสมทบอัตราปกติ ไม่มีลดหย่อน!